บริษัทรับสร้างบ้าน “ลีอาร์คีเทค” ปรับกลยุทธ์ลดปัญหาแรงงานร่วมมือกับพันธมิตรในการใช้นวัตกรรมก่อสร้าง โครงสร้างเหล็ก “สยามยาโมโตะ” กับระบบผนังมวลเบาเสริมโครงเหล็ก (FULFILwall System) ของ SCG เป็นการพัฒนาระบบก่อสร้างบ้านให้ใช้แรงงานน้อยที่สุด เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันพร้อมเกาะติดพฤติกรรมผู้บริโภคยุค 4.0 รองรับไลฟ์สไตล์ผ่าน “4 TREND”การออกแบบ

ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างความรวดเร็ว ทั้งในด้านข้อมูลข่าวสาร การสื่อสารที่ไร้พรมแดน โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเสพสื่อหลายช่องทาง การแข่งขันในยุคนี้จึงอยู่ที่ความเร็วและการเลือกใช้เทคโนโลยี หรือนวัตกรรมต่างๆที่เหมาะสม

(นางศิริพร สิงหรัญ กรรมการผู้จัดการบริษัท ลีอาร์คีเทค จำกัด)

นางศิริพร สิงหรัญ กรรมการผู้จัดการบริษัท ลีอาร์คีเทค จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านที่มีประสบการณ์มาร่วม 22 ปี และเป็นสมาชิกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านเปิดเผยว่า จากปัญหาเรื่องแรงงานเรื้อรังที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนั้นยอมรับว่ามีผลกระทบต่อภาคธุรกิจ ซึ่งบริษัทฯก็มองเห็นปัญหานี้มาตลอด ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึงการแข่งขันของธุรกิจ ทำให้บริษัทฯต้องปรับตัวรองรับกับกระแสที่เปลี่ยนแปลง ที่ล่าสุด บริษัทฯได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเครือ SCG ในการใช้นวัตกรรมก่อสร้างเหล็กสยามยาโมโตะ ทั้งยังนำระบบผนังมวลเบาเสริมโครงเหล็ก (FULFILwall Systemมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน และกระแสการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว

“ตลอด 22 ปี ที่ทำธุรกิจเรามองเห็นปัญหามาตลอดและเราก็ปรับตัวมาอย่างต่อเนื่อง และการที่เราร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ เป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่จะทำให้เราได้ปรับระดับการบริการก้าวสู่อีกขั้นที่ไม่ได้มุ่งขายแต่สินค้า แต่เรายกระดับไปสู่การเสนอข้อมูลต่าง ๆ ที่ประกอบกับการสร้างบ้านในยุค 4.0 เพื่อรองรับ ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป” ผู้บริหารของลีอาร์คีเทค กล่าว

พร้อมกันนี้ นางศิริพร ยังขยายความด้วยว่า การนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการออกแบบบ้านของบริษัทฯจะเป็นตาม “4 TREND” ที่อยู่ในกระแสโลก กระแสสังคม และได้ร่วมกับกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรวัสดุที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการสร้างบ้าน ดังนี้

1.TREND ผู้สูงอายุ : ลีอาร์คีเทคเราออกแบบตอบสนองตาม พฤติกรรมผู้บริโภคในสังคมไทย ซึ่งส่วนใหญ่ยังนิยมอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวขยาย นั่นคือ บ้าน 3 GEN ที่ตอบโจทย์คน 3 วัย พ่อ-แม่ ลูกและปู่ย่าตายาย ด้วยรูปแบบภายนอกที่ดูเป็นกลุ่มอาคาร ที่ทันสมัยดูอบอุ่นด้วยกลิ่นอายของ แจแปนนิสสไตล์ ประกอบด้วยประโยชน์ใช้สอยที่ครบครันเป็นสัดส่วน มีความเป็นส่วนตัวของผู้อาศัยในแต่ละวัย แต่สามารถเชื่อมโยงการใช้พื้นที่ ต่างๆต่อเนื่องกัน และใช้มุมมองธรรมชาติ สวน สระว่ายน้ำ เฉลียงในร่มทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อให้แต่ละวัยสามารถใช้ชีวิต ประจำวันได้อย่างเป็นอิสระไม่รบกวนกัน เรานำเสนอนวัตกรรมสำหรับผู้สูงอายุ SCG Elder Care Solution ให้กับแบบบ้านทุกหลัง

2. TREND ประหยัดพลังงาน : ยังเป็นโจทย์หลักที่เราได้มุ่งมั่นมาตลอดกว่า 10 ปี นอกจากจะออกแบบบ้านด้วยหลักธรรมชาติและเลือกใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติป้องกันความร้อนแล้ว เรานำเสนอการใช้พลังงานสะอาด SOLAR CELL ที่ให้ลูกค้าสามารถเลือกติดตั้งตามงบประมาณที่กำหนด

3. TREND ยุค DIGITAL : เรานำความทันสมัยของเทคโนโลยีมาเพิ่มความสะดวกสบาย ในการอยู่อาศัย นั่นคือ ระบบไฟอัจฉริยะSwitch Smart Home สำหรับ Automation Light System จาก HomeXpert
และ

4. TREND หน่วยงานสะอาด : กระแสรักษ์โลกเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เรามองว่าการก่อสร้างบ้านทำให้เกิดมลภาวะมากมาย ทั้งฝุ่นละออง ขยะ ใช้เวลาหลายเดือน เราจึงใช้ระบบโครงสร้างเหล็กมาทดแทนโครงสร้างคอนกรีต ซึ่งทำให้เป็นหน่วยงานที่สะอาด ลดมลภาวะกับพื้นที่ข้างเคียง ที่สำคัญ การได้รูปแบบบ้านที่ทันสมัย บางเบา มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากโครงสร้างคอนกรีตที่ดูหนาเทอะทะ โดยได้เป็นพันธมิตรร่วมกับเหล็กสยามยามาโตะ ในการก่อสร้างโครงสร้างเหล็ก และใช้นวัตกรรมการก่อสร้างผนังเป็นระบบผนังมวลเบาเสริมโครงเหล็ก FULFIL wall System ของ SCG ลดฝุ่นละอองจากการฉาบปูน เป็นหน่วยงานสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ตัวแทนฝ่ายประชาสัมพันธ์
คุณปรียา เทศนอก (ปุ่น) โทร. 099-465-5945 อีเมล์ [email protected]

Previous articleรัฐทุ่ม 6 หมื่นล้าน สร้างรถไฟเด่นชัย-เชียงใหม่ ในปี 2561
Next articleFacebook จับมือ OMA สร้างชุมชนแห่งใหม่เพิ่มความสะดวกให้กับผู้พักอาศัยและจัดสร้างบ้านราคาประหยัดจำนวน 1,500 หลังในซิลิคอนแวลลีย์ แคลิฟอร์เนีย