จุดเริ่มต้นของ B-yond Architecture
B-yond Architecture คือสตูดิโอสถาปัตยกรรมที่เกิดจากความหลงใหลในการ “ก้าวข้ามกรอบเดิม” ทั้งในแง่ความคิดและวิธีการออกแบบ ก่อตั้งโดย เดอะเจ-นิธิโชติ เสตะจันทน์ Founder & Managing Director ด้วยความตั้งใจอยากสร้างงานที่ไม่ได้หยุดแค่ทำให้บ้านดูสวย แต่ทำให้บ้านตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้อาศัยจริง ๆ
เส้นทางของเดอะเจเริ่มจากการทำงานในบริษัทออกแบบระดับแนวหน้าอย่าง A49 ได้สัมผัสทั้งงานอาคารสูงและโครงการที่ซับซ้อน ทำให้เข้าใจการทำงานจริงตั้งแต่การวางคอนเซปต์จนถึงขั้นก่อสร้าง แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง เขาตัดสินใจออกมาเริ่มต้นใหม่ในช่วงโควิด และลองทำงานอิสระเพื่อค้นหาวิธีทำงานที่สอดคล้องกับแนวคิดของตัวเอง
ช่วงเวลานั้นเต็มไปด้วยบทเรียนที่ท้าทาย เดอะเจรับงานเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่พูดคุยกับลูกค้า ออกแบบ ทำภาพ 3D ไปจนถึงเรนเดอร์แบบกว่า 30 โปรเจกต์ แต่ปิดได้จริงเพียงไม่กี่หลัง “มีคนเคยถามผมตรง ๆ ว่า ทำไมผมต้องจ้างคุณ ในเมื่อปากซอยก็มีผู้รับเหมาที่ทำได้ ในราคาที่ถูกกว่า” คำถามนั้นทำให้เดอะเจได้คิดและมองเห็นชัดขึ้นว่า ไม่ใช่ทุกโจทย์จะต้องการกระบวนการออกแบบเชิงลึกแบบที่เขาถนัดเสมอไป
“บางครั้งบ้านที่เจ้าของต้องการอาจต้องการวิธีที่ต่างออกไป ซึ่งก็ไม่ผิด สินค้ากับผู้ซื้อแค่ไม่ตรงกัน เราจึงตัดสินใจโฟกัสกับคนที่อยากทำบ้านที่สอดคล้องกับการทำงานของเรา”
จากตรงนี้เอง เดอะเจจึงเริ่มให้ความสำคัญกับการพูดคุยและตรวจสอบความเข้าใจตั้งแต่ต้น เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าและทีมเดินไปในทิศทางเดียวกัน บางครั้งกว่าจะเริ่มโครงการได้ต้องผ่านการหารือและทดลองหลายรอบ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้งานออกแบบตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้จริง และกลายมาเป็นแนวทางการทำงานของ B-yond Architecture ในทุกวันนี้
ชื่อ “B-yond” เป็นเหมือนคำเตือนใจของทีม ว่างานทุกชิ้นต้องก้าวข้ามงานก่อนหน้า คิดให้ลึกกว่าเดิม และเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเสมอ
“คู่แข่งของเราไม่ใช่บริษัทอื่น แต่คือตัวเราเมื่อวาน งานถัดไปต้อง Beyond กว่าครั้งก่อนเสมอ”
วันนี้ทีมของ B-yond Architecture เต็มไปด้วยสถาปนิกรุ่นใหม่ที่หลงใหลการทดลองวัสดุใหม่ ๆ การร้อยเรียงแสงและเงาในพื้นที่ และการสร้างสรรค์งานที่กล้าท้าทายข้อจำกัดเดิม ๆ พร้อมใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อทำให้กระบวนการออกแบบแม่นยำ โปร่งใส และสื่อสารกับลูกค้าได้ง่ายขึ้น ในบรรยากาศที่เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมและเติบโตไปด้วยกัน
แนวคิดและกระบวนการทำงานของ B-yond Architecture
สำหรับเดอะเจ บ้านที่ดีต้องเริ่มจาก “ชีวิต” ของคนที่อยู่ข้างใน ไม่ใช่เพียงรูปทรงภายนอก ทุกโปรเจกต์ของ B-yond Architecture จึงเริ่มต้นด้วยการพูดคุยกับเจ้าของบ้านอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรม การใช้พื้นที่ ไลฟ์สไตล์ และสิ่งที่เจ้าของให้ความสำคัญจริง ๆ
“เราไม่ได้ออกแบบบ้านให้สวยตามภาพอ้างอิง แต่เราออกแบบพฤติกรรมของเจ้าของบ้าน”
แนวคิดนี้ทำให้การออกแบบของ B-yond Architecture ไม่ได้จบลงที่ภาพเรนเดอร์สวย ๆ แต่เป็นการสร้างพื้นที่ที่มี “เหตุผลรองรับ” ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นทิศทางแสง ลม การสัญจร หรือการจัดวางฟังก์ชันที่สัมพันธ์กับวิถีชีวิตของผู้ใช้จริง เดอะเจเชื่อว่าหากการออกแบบมีเหตุผล บ้านหลังนั้นจะ “ไม่มีวันถูกทำลาย” เพราะมันตอบโจทย์การใช้งานและอยู่ได้อย่างยั่งยืน
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญคือการ เคารพบริบทของพื้นที่ ก่อนจะสร้างรูปทรงใด ๆ ทีมจะเริ่มจากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมรอบด้าน ทั้งทิศทางแดด ลม วิว และสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่ เพื่อให้บ้านที่สร้างขึ้นกลมกลืนกับพื้นที่และดึงศักยภาพของที่ดินออกมาใช้ได้เต็มที่
ตัวอย่างชัดเจนคือ โปรเจกต์ Z House ที่ลาดพร้าว เจ้าของบ้านต้องการสร้างบ้านใหม่บนที่ดินเดิม แต่พื้นที่ถูกบีบด้วยตึกสูง 15 เมตรสองฝั่งที่บดบังแสงและวิวจนทำให้พื้นที่อึดอัด แนวทางแรกคือแบบที่คุ้นเคยและทำได้ง่าย ส่วนอีกแนวทางทีม B-yond Architecture เลือกออกแบบบ้านให้บิดเป็น “รูปตัว Z” เพื่อหันไปหาทิศที่รับแสงและลมธรรมชาติได้ดีที่สุด พร้อมสร้างคอร์ตกลางบ้านที่ปลูกต้นไม้ได้สองฝั่ง ทำให้เจ้าของรู้สึกเหมือนถูกโอบล้อมด้วยสวนของตัวเอง ลดความอึดอัดของพื้นที่แม้จะอยู่ท่ามกลางตึกสูงก็ตาม
แม้แปลนรูปตัว Z จะซับซ้อนกว่าในเชิงโครงสร้างและรายละเอียดการออกแบบ แต่ทีมก็เลือกเดินหน้าด้วยแนวทางนี้ เพราะเชื่อว่ามันคือคำตอบที่เคารพทั้งโจทย์และการใช้ชีวิตของเจ้าของบ้านอย่างแท้จริง
กรณีนี้สะท้อนแนวคิดของ B-yond Architecture ว่าการออกแบบไม่ใช่การหาทางที่ง่ายที่สุดสำหรับสถาปนิก แต่คือการให้เกียรติลูกค้าและสร้างพื้นที่ที่ตอบโจทย์ชีวิตจริง
และเพื่อให้การออกแบบที่ซับซ้อนเช่นนี้เดินหน้าได้อย่างมั่นใจ B-yond Architecture จึงให้ความสำคัญกับ กระบวนการทำงานที่ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น โดยจะเจอกับลูกค้าสามครั้ง
ครั้งแรก เริ่มจากการแนะนำแนวทางการทำงาน และฟังโจทย์อย่างละเอียดเพื่อดูว่าความต้องการตรงกับสิ่งที่ทีมทำได้หรือไม่ หากมีสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็จะบอกตรง ๆ ตั้งแต่แรก
ครั้งที่สอง ศึกษาและทดลองแบบเบื้องต้น เพื่อให้เจ้าของเห็นภาพว่าทิศทางไปด้วยกันได้จริงหรือไม่
ครั้งที่สาม เมื่อทุกอย่างเคลียร์แล้วจึงเข้าสู่การสรุป เซ็นสัญญา และเริ่มงานเต็มรูปแบบ
เดอะเจกล่าวว่าการ “เคลียร์โจทย์ตั้งแต่ต้น” แม้จะยากและใช้เวลามากกว่า แต่ทำให้ขั้นตอนต่อ ๆ มาง่ายและราบรื่น ดีกว่าการรีบเริ่มโดยไม่เข้าใจกันแล้วต้องแก้แบบซ้ำในภายหลัง วิธีนี้ทำให้ทั้งทีมและเจ้าของมั่นใจว่ากำลังเดินไปในทิศทางเดียวกัน และทุกพื้นที่ที่ออกแบบจะตอบโจทย์ชีวิตของเจ้าของบ้านได้จริง
พลังคนรุ่นใหม่ ภายใต้ทีมเวิร์คที่เปิดโอกาส
เดอะเจเชื่อว่าการทำงานที่ดีที่สุดเกิดจาก “การเปิดโอกาส” ให้คนในทีมได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นไอเดียใหม่ วิธีการที่แตกต่าง หรือการทดลองวัสดุที่ยังไม่เคยใช้มาก่อน ทุกความคิดถูกหยิบมาพูดคุย แลกเปลี่ยน และต่อยอดร่วมกัน จนกลายเป็นพลังที่ทำให้งานเดินหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง
ด้วยทีมที่เต็มไปด้วยสถาปนิกรุ่นใหม่ บรรยากาศการทำงานจึงสดใหม่และเปิดกว้าง ทุกโปรเจกต์คือพื้นที่ให้ทุกคนได้เรียนรู้จากของจริง และได้เติบโตไปพร้อมกับงานที่ทำร่วมกัน บ้านแต่ละหลังจึงไม่ใช่แค่ผลงานของใครคนหนึ่ง แต่คือผลรวมของความตั้งใจจากทั้งทีมที่อยากเห็นงานออกแบบตอบโจทย์ชีวิตและก้าวไปข้างหน้าอย่างแท้จริง
การต่อยอดจากการพบเจ้าของบ้านจริง
การออกไปพบเจ้าของบ้านโดยตรงในงานแฟร์ กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทีม B-yond Architecture มองเห็นโอกาสใหม่ ทั้งในแง่การสื่อสารและการอธิบายบทบาทของสถาปนิกให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทีมพบว่าหลายคนยังมองการสร้างบ้านเป็นเพียงการหาผู้รับเหมา แต่ยังไม่เข้าใจว่ากระบวนการออกแบบสามารถช่วยจัดการปัญหาได้ตั้งแต่ต้น ทั้งเรื่องการวางแผนพื้นที่ การจัดสรรงบประมาณ ไปจนถึงขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้าง
ประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้ B-yond Architecture ปรับวิธีนำเสนองานใหม่ โดยเน้นการเล่าถึง “กระบวนการ” มากกว่าผลลัพธ์สุดท้าย เพื่อให้เจ้าของบ้านเห็นคุณค่าของการออกแบบตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ใช่แค่ภาพสวย ๆ ในตอนจบ แต่คือความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นว่าบ้านที่ดีต้องเกิดจากการวางแผนที่รอบคอบ
คุณเจมองว่านี่คือเหตุผลที่งานแฟร์ยังมีความจำเป็น แม้ปัจจุบันจะมีช่องทางออนไลน์มากมาย เพราะมันเป็นพื้นที่ที่เจ้าของบ้านได้เจอสถาปนิกตัวจริง พูดคุย ถามคำถาม และสัมผัสวิธีคิดอย่างใกล้ชิด สิ่งเหล่านี้คือโอกาสที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันมากขึ้น และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างบ้านที่สอดคล้องกับชีวิตจริงของเจ้าของอย่างแท้จริง
สถาปัตยกรรมที่อยู่เหนือกาลเวลา
เมื่อมองจากเส้นทางที่ผ่านมา สิ่งที่สะท้อนชัดคือ B-yond Architecture ไม่ได้สร้างบ้านเพื่อให้ “วันนี้” ดูดีเท่านั้น แต่คือการออกแบบที่ตั้งต้นจากชีวิตและบริบทจริง เพื่อให้บ้านอยู่ได้อย่างมั่นคงยาวนานและเติบโตไปพร้อมกับเจ้าของ การออกแบบที่มีเหตุผลรองรับในทุกมิติย่อมทำให้บ้านไม่ถูกทำลายด้วยเวลา แต่กลับกลายเป็นคุณค่าที่ส่งต่อไปได้ทั้งในเชิงการใช้ชีวิตและความทรงจำของเจ้าของบ้าน
แรงบันดาลใจสำหรับคนรุ่นใหม่และเจ้าของบ้าน
เรื่องราวของ B-yond Architecture ไม่ได้เป็นเพียงเส้นทางของสตูดิโอสถาปัตยกรรม แต่ยังสะท้อนให้เห็นมุมมองที่น่าสนใจต่อวงการก่อสร้างและการอยู่อาศัย คุณค่าของสถาปนิกไม่ใช่เพียงภาพสวย ๆ ในตอนจบ แต่คือกระบวนการที่ช่วยให้เจ้าของบ้านเข้าใจตัวเองมากขึ้นและมั่นใจในสิ่งที่จะสร้างจริง ขณะเดียวกัน ทีมคนรุ่นใหม่ก็แสดงให้เห็นว่า ความตั้งใจ การเปิดกว้าง และการทำงานร่วมกัน สามารถผลักดันให้งานก้าวข้ามข้อจำกัดไปได้เสมอ
B-yond Architecture จึงไม่เพียงสร้างบ้าน แต่ยังสร้างวิธีคิดที่ย้ำว่า “บ้านที่ดีเริ่มจากชีวิต และชีวิตที่ดีเริ่มจากการออกแบบที่ใส่ใจ”