เพราะเมืองไทยเป็นเมืองที่อากาศร้อนตลอดเกือบทั้งปี หากกล่าวถึง “สภาวะอยู่สบาย” หลายๆ คนจึงอาจเข้าใจว่า แค่การทำให้อุณหภูมิของบ้านลดลง ก็จะทำให้เกิดสภาวะอยู่สบายแล้ว แต่ในความเป็นจริงนั้น สภาวะอยู่สบายจะต้องประกอบไปด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น อุณหภูมิ ความเร็วลม ความชื้น การแต่งกาย กิจกรรมที่ทำ เป็นต้น

สภาวะอยู่สบายคือ สภาวะของช่วงอุณหภูมิและความชื้นของอากาศที่ทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกสบาย ไม่ร้อน ไม่เหนียวเหนอะหนะ หรือไม่สบายเนื้อสบายตัว ซึ่งประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบหลักคือ อุณหภูมิ ความชื้น และแรงลมที่มากระทบตัวเรา เช่น บางครั้งเราไปยืนชายทะเลที่อุณหภูมิไม่ร้อน มีลมพัดผ่าน แต่มีความชื้นมากเกินไป เราก็จะรู้สึกไม่สบายตัว แต่ถ้าเราอยู่ในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศเราจะรู้สึกสบาย เพราะเครื่องปรับอากาศนั้นให้ความเย็น และมีการเป่าลมออกมาเพื่อให้อากาศเคลื่อนไหว ในขณะเดียวกันก็ดูดความชื้นออกไปด้วย เราจึงรู้สึกสบาย แต่บางครั้งก็ทำให้ค่าไฟฟ้าขึ้นเอาแบบไม่รู้ตัว ดังนั้นการสร้างสภาวะอยู่สบายสำหรับการอยู่อาศัยในบ้านเราควรคำนึงถึงปัจจัยทั้ง 3 อย่าง

  1. การป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน (Heat Shield Technology)

โดยส่วนที่สำคัญของบ้านคือ หลังคา ฝ้า และผนัง เมื่อแสงแดดส่องลงมาจะกระทบหลังคาซึ่งอยู่บนสุดและมีขนาดพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ หลังคาจึงมีผลอย่างมากต่ออุณหภูมิภายในบ้าน การติดตั้ง แผ่นสะท้อนความร้อน เอสซีจี จึงช่วยป้องกันบ้านร้อนได้ตรงจุด ด้วยการสกัดร้อน สะท้อนกลับ สามารถสะท้อนรังสีความร้อนได้สูงถึง 95% และติดตั้ง ฉนวนกันความร้อน เอสซีจี รุ่น STAY COOL บริเวณเหนือฝ้าเพดาน เพื่อป้องกันความร้อนที่มาจากโถงหลังคา ผ่านฝ้าเพดานลงมาสู่ภายในบ้าน นอกจากนี้ยังสามารถช่วยระบายความร้อนภายในโถงหลังคาออกสู่ภายนอกบ้านได้ด้วยการทำช่องระบายความร้อน เช่น ทำช่องระบายอากาศทางหน้าบัน ใช้ ฝ้าสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี รุ่นระบายอากาศ หรือทำระแนงระบายอากาศ เป็นต้น

รูปทรงของหลังคาก็มีผลต่อการระบายความร้อนนะคะ เพราะบ้านที่ทำหลังคาทรงสูง จะช่วยระบายความร้อนออกจากตัวอาคารได้เร็วกว่า

ส่วนการลดความร้อนที่ผนังนั้น เราควรเลือกใช้วัสดุก่อผนังที่มีค่าการสะสมความร้อนต่ำอย่าง อิฐมวลเบา Q-Con โดยที่ผนังภายนอกบ้านควรทาสีโทนอ่อนหรือโทนสว่าง เช่น สีขาว สีครีม สีพาสเทล หรือเลือกใช้สีสะท้อนความร้อน หรือติดตั้งผนังเบาพร้อมฉนวนกันความร้อนเพิ่มเติมที่ผนังด้านที่โดนแดดจัด เพื่อการป้องกันความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

  1. การถ่ายเทอากาศ หรือ การระบายอากาศ (Ventilation)

ภายในบ้านควรมีการถ่ายเทอากาศ เพื่อระบายความร้อน ช่วยให้อากาศภายในบ้านดีขึ้นและไม่อับชื้น โดยปกติหน้าต่างมักทำหน้าที่หลักในการถ่ายเทอากาศเข้า-ออก แต่เมื่อผู้อยู่อาศัยจำเป็นต้องปิดหน้าต่าง หรืออยู่ในบ้านที่มีหน้าต่างน้อย อาจทำให้อากาศไม่สามารถถ่ายเทได้ดีเท่าที่ควร จึงทำให้บ้านร้อนอบอ้าวและรู้สึกไม่สบายตัว ทั้งนี้เราสามารถติดตั้ง Active AIRflow™ System นวัตกรรมการถ่ายเทอากาศและระบายความร้อนออกจากตัวบ้านและโถงหลังคา เพื่อเร่งกลไกการระบายอากาศและความร้อนออกจากตัวบ้านได้อย่างรวดเร็ว ทำให้บ้านมีอากาศถ่ายเทตลอดเวลาแม้จะปิดบ้านไว้ตลอดทั้งวัน ภายในบ้านไม่อบอ้าวหรืออับชื้น ช่วยลดการสะสมเชื้อโรคและอากาศเสียภายใน และจากอุณหภูมิห้องที่เย็นเร็วขึ้น จึงช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าจากการใช้เครื่องปรับอากาศได้ถึง 16-20%

  1. ภูมิทัศน์และพื้นที่สีเขียว (Green Landscape)

การมีพื้นที่สีเขียวบริเวณรอบๆ บ้าน ด้วยการปลูกต้นไม้ใหญ่ หรือการเพิ่มพื้นที่สีเขียว นอกจากจะช่วยให้บ้านดูสดชื่นมีชีวิตชีวาแล้ว ยังช่วยลดความร้อนรอบๆ บ้าน ทำให้ภายในบ้านเย็นขึ้นอีกด้วย หรือหากบ้านไหนมีพื้นที่น้อย อาจเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วย สวนแนวตั้ง เอสซีจี รุ่น Modular Green Hive ที่ออกแบบมาให้ติดตั้งและดูแลรักษาง่าย เหมาะกับวิถีชีวิตของคนเมืองในปัจจุบัน

 

สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัสดุและบริการจากเอสซีจีได้ที่ ☎️

📍 SCG HOME Experience สาขาเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา โทร. 02-101-9922 หรือ แฟนเพจ SCG HOME Experience

📍 Line Official Account @scghomeexperience หรือ https://lin.ee/2DvMnJd2N

สัมผัสประสบการณ์เสมือนจริง รูปแบบ Virtual Store ได้ที่ https://bit.ly/SCGHOMEExperiencevirtualstore

 

#ความรู้เรื่องบ้าน #SCGHOMEExperience

Previous article2 สิ่งที่คุณจะพบเสมอใน Co-working Space ที่ดี
Next articleรวมสุดยอดไอเดียการใช้ไฟ ที่สร้างสรรค์จนสวยเด่นสะดุดตา