ทีทีเอฟ ผู้นำด้านการจัดงานแสดงสินค้า B2B ระดับอาเซียนลุยจัดงานสถาปนิก’65 พร้อมเนรมิตงานให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง เชื่อมั่นผู้เข้าชมงานจะกลับคึกคักมาเหมือนเดิม หลังมีมาตรการผ่อนปรนของภาครัฐ

เตรียมพบกับ สถาปนิก65” งานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างใหญ่ที่สุดในอาเซียน ครั้งที่ 35 จัดโดย สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ บริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

หลังจากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการให้ ทีทีเอฟ เป็นผู้จัดงาน “สถาปนิก’65-67” ทีทีเอฟ ได้เดินหน้าเตรียมพร้อมรวบรวมนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มาร่วมจัดแสดงให้ได้ชมอย่างหลากหลายในงานครั้งนี้

สำหรับงานสถาปนิก’65 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 เม.ย. – 1 พ.ค. 65 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ด้านคุณศุภแมน มรรคา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เผยถึงความพร้อมและแนวทางในการจัดงานสถาปนิก’65 ว่า

“ทีทีเอฟ มีความยินดีเป็นอย่างมาก ที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้จัดงานสถาปนิก’65 ซึ่งถือเป็นเวทีธุรกิจที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง เพราะเป็นช่องทางในการสร้างโอกาสแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร รวมถึงชี้เทรนด์ การออกแบบสถาปัตยกรรมในอนาคต และยังรวมบุคคลในวงการก่อสร้างไว้มากที่สุด ซึ่งตลอด 6 วันของการจัดงาน ผู้แสดงสินค้าจะได้เจอกับกลุ่มเป้าหมายในวงการ ทั้งสถาปนิก, วิศวกร, ผู้รับเหมา, นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตัวแทนจำหน่ายวัสดุ รวมไปถึงอาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับงานออกแบบตกแต่ง เพราะฉะนั้นการเข้าร่วมงานสถาปนิก ถือเป็นโอกาสที่จะได้โชว์นวัตกรรมของแบรนด์นั้น ๆ สู่ตลาด และเป็นการทำการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายโดยตรงที่มีประสิทธิภาพที่สุด”

ทีทีเอฟไม่เคยหยุดนิ่ง ปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์อยู่เสมอ

“กว่า 35 ปี ที่ทาง ทีทีเอฟ จัดงานสถาปนิก เรามีการพัฒนารูปแบบการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด ทั้งการขยายกลุ่มผู้แสดงสินค้าไปยังธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งกลุ่มจากต่างประเทศ จนกลายเป็นงานใหญ่ระดับภูมิภาคอาเซียน แม้ในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาทำให้ธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าได้รับผลกระทบ แต่ทาง ทีทีเอฟ เองก็ไม่หยุดนิ่ง มีการปรับตัวและพัฒนาให้สอดรับกับสถานการณ์ ด้วยการมุ่งพัฒนาสื่อออนไลน์ในรูปแบบ Digital Showroom ให้กับลูกค้าพันธมิตรของบริษัท เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถค้นหาข้อมูลวัสดุก่อสร้างได้ตลอดเวลา และให้ผู้แสดงสินค้ามีโอกาสในการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์-บริการตลอดทั้งปี รวมทั้งมีการจัดสัมมนาออนไลน์เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในวงการก่อสร้างอยู่ตลอดเวลา”

ออนไลน์ยังไม่ตอบโจทย์การจัดงานสถาปนิกได้ดีเท่ากับ ออนกราวด์

“งานแสดงสินค้าในกลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้างประเภท B2B ยังคงเป็นเวทีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับผู้แสดงสินค้าและผู้เข้าชมงาน เพราะเป็นโอกาสที่ผู้ซื้อและผู้ขายจะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ได้สัมผัสกับสินค้าโดยตรง อีกทั้งกลุ่มเป้าหมายยังต้องการคำอธิบายจากทีมขายหรือทีมเทคนิคในเชิงลึก โดยเฉพาะเรื่องคุณสมบัติที่เหมาะสมต่อการนำไปใช้งาน อีกทั้งปัจจัยเรื่องจำนวนการสั่งซื้อ ซึ่งเป็นข้อจำกัดของการซื้อขายแบบออนไลน์ ดังนั้นงานแสดงสินค้าแบบออนกราวด์ยังคงจำเป็นสำหรับกลุ่มวัสดุก่อสร้าง”

“แต่หลังจากนี้คาดว่ารูปแบบการจัดงานจะพัฒนาไปเป็น ไฮบริดอีเวนต์ หรือการทำงานควบคู่กันทั้งแบบ ออนกราวด์และออนไลน์ เพื่อนำเสนอเนื้อหาประชาสัมพันธ์ให้กับคนในวงการได้ตลอดทั้งปี ไม่เฉพาะแค่ภายในงานเท่านั้น และจะใช้รูปแบบนี้เป็นมาตรฐานของการจัดงานในอนาคต”

งานสถาปนิกในปีหน้าจะกลับมายิ่งใหญ่เต็มพื้นที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อีกครั้งแน่นอน

“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ทำให้การจัดงานสถาปนิกต้องหยุดชะงักไปถึง 2 ปี ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและลูกค้าที่เป็นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่ขาดโอกาสในการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ และการต่อยอดทางธุรกิจ เนื่องจากที่ผ่านมาการจัดงานสถาปนิกสามารถสร้างและกระตุ้นเม็ดเงินสะพัดในวงการก่อสร้างได้ถึงปีละกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท ซึ่งทางสมาคม ฯ และทาง ทีทีเอฟ เอง ได้มองเห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้มาโดยตลอด และเตรียมพร้อมที่จะจัดงานสถาปนิกอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์ภาพรวมของประเทศเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทั้งจำนวนประชากรที่ได้รับวัคซีนมากขึ้นทั้งแบบ 1 เข็ม และ 2 เข็ม หรือบางส่วนเตรียมฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 และรัฐบาลได้ออกมาตรการคลายล็อกดาวน์เบื้องต้นแล้ว

โดยทางสมาคม ฯ ได้เตรียมนิทรรศการและกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ทั้งด้านวิชาการและอื่น ๆ อีกมากมาย ที่จะส่งเสริมผู้ชมงานจากหลายสาขาอาชีพ อาทิ ASA Forum งานสัมมนาวิชาการโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมทั้งในและต่างประเทศ, นิทรรศการเพื่อนำเสนอผลงานของนิสิต นักศึกษา และบุคคลในแวดวง, ASA Night กิจกรรมรวมตัวของเหล่าสถาปนิก นักออกแบบ เพื่อร่วมพูดคุยต่อยอดไอเดียการทำงานในบรรยากาศเป็นกันเอง, ASA Club พื้นที่สำหรับสมาชิกสมาคมสถาปนิกสยามฯ

ด้าน ทีทีเอฟ เองก็เตรียมพร้อมพื้นที่จัดแสดงพิเศษมากมาย อาทิ การประกวดบูธ, การมอบรางวัลผลิตภัณฑ์นวัตกรรม, Designer Hub Pavilion พื้นที่สำหรับให้บริการปรึกษาด้านการออกแบบครบวงจร โดยนักออกแบบจากทุกสาขาวิชาชีพ รวมถึงการจัดแสดงพิเศษอย่าง Thematic Pavilion ที่จะเป็นไฮไลท์ดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย พร้อมผลักดันให้งานสถาปนิกทัดเทียมกับงานในยุโรป และตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 ของภูมิภาคอาเซียน”

“ตอนนี้มีผู้แสดงสินค้าที่ไว้วางใจและตอบรับเข้าร่วมงานแล้วกว่า 50% อาทิ กลุ่มพันธมิตรวัสดุก่อสร้าง, CONNEXT Group, LIXIL Group, Makita, CNP PLASTIC INDUSTRIES, EDL Laminates, UMI, TPS Garden, DOS, GLASTEN (THAILAND), SOLAR D, ARITCO, CANON, WSP, POLYMER MASTER, Vision Glass, Makasan Stainless Steel, Lucky Flame, Conwood, Wilsonart, Formica และ Landy Home ซึ่งแต่ละแบรนด์เตรียมขนทัพนวัตกรรม พร้อมด้วยกิจกรรมที่บูธมาให้ผู้ชมงานอย่างครบครัน อาทิ การเปิดตัวนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ครั้งแรกในงาน การสาธิตการใช้งานผลิตภัณฑ์แบบเอ็กซ์คลูซีพ ฯลฯ”

“นอกจากนี้ ทาง ทีทีเอฟ มั่นใจว่างานสถาปนิกปีหน้าจะได้มีโอกาสต้อนรับผู้แสดงสินค้าจากต่างประเทศอย่างแน่นอน โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งตามที่คาดการณ์ไว้สัดส่วนพื้นที่จัดแสดงของต่างประเทศจะอยู่ที่ราว 5% หากไม่ติดขัดในเรื่องระเบียบการเดินทาง การกักตัว ฯลฯ”

“ทั้งนี้ ทีทีเอฟ ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยของผู้แสดงสินค้าและผู้ชมงานเป็นอย่างมาก จึงกำหนดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานของ ศบค. มีการตรวจสอบผู้เข้าพื้นที่การจัดงานอย่างเข้มข้น และกำหนดจำนวนผู้เข้าชมในแต่ละช่วงเวลาเพื่อรักษาระยะห่าง นอกจากนี้ ทีทีเอฟ จะมีการอัปเดตมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 กับหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทุกฝ่ายมั่นใจในการเข้าร่วมงานทั้งผู้จัดแสดงสินค้าและผู้เข้าชมงาน”

แนะ 3 เทรนด์ใหม่ที่น่าจับตามองของการออกแบบที่อยู่อาศัยในอนาคต

“จากวิกฤตการณ์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาปรับใช้ในการออกแบบบ้าน อาคาร และที่อยู่อาศัยมากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ และไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้อยู่อาศัยในปัจจุบัน”

  1. อาคารประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะการออกแบบระบบเปลือกอาคาร, ไฟฟ้าแสงสว่าง, ระบบปรับอากาศ, ระบบน้ำร้อน และการใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด เพราะนอกจากจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายอย่างมาก ทำให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีต้นทุนในการบริหารธุรกิจที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
  2. การนำ Digital Construction มาใช้ ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ วิธีการออกแบบ ไปจนถึงขั้นตอนการก่อสร้าง
  3. ฟังก์ชันบ้านที่เปลี่ยนไป เพราะเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในทุกส่วน ทุกมุมของบ้าน โดยมุ่งเน้นเรื่องการส่งเสริมคุณภาพการอยู่อาศัยที่ดียิ่งขึ้น (well-being) ซึ่งมีผลจากการ Work from Home ในช่วง ล็อกดาวน์ ทำให้มีการปรับบ้านหรือที่อยู่อาศัยให้กลายเป็นที่ทำงาน, โฮมออฟฟิศ, ร้านอาหาร และอื่น ๆ

“โดยผู้ที่สนใจนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของการออกแบบบ้านและอาคารเหล่านี้ สามารถมาสัมผัสได้ภายในงานสถาปนิก’65”

“สุดท้ายนี้ ทีทีเอฟ เชื่อว่างานสถาปนิก’65 จะเป็นพื้นที่ทางการตลาดที่จะช่วยฟื้นฟูธุรกิจก่อสร้างให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง ทั้งเป็นการเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ของผู้แสดงสินค้า รวมถึงตอกย้ำการเป็นตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจก่อสร้างโดยตรงที่มีประสิทธิภาพที่สุด เหมือนที่เคยเป็นมา”

งานสถาปนิก’65 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 เม.ย. – 1 พ.ค. 65 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี สำหรับผู้สนใจจองพื้นที่ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.ArchitectExpo.com/2022/space-reservation/ หรือ โทร. 02-717-2477 อีเมล [email protected]

Previous article“Burnt Cork” เฟอร์นิเจอร์ไม้คอร์ก
ที่ฟื้นคืนชีพจากเถ้าถ่าน
Next article5 เหตุผล! ที่ไม่ควรพลาดเข้าร่วมงานสถาปนิก’65
จิตรกมล ขวัญแก้ว
สาวขี้อาย จบการศึกษาคณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน ที่ชอบแสงแดดยามบ่าย ไอซ์ลาเต้ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความสนใจทางด้านสถาปัตยกรรม