
ในฐานะแบรนด์เครื่องมือช่างอันดับ 1 จากประเทศญี่ปุ่นที่อยู่คู่ช่างมืออาชีพทั่วโลกมานานนับศตวรรษ Makita ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในวงการก่อสร้างไทยอย่างต่อเนื่อง และมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการทำงานที่ชัดเจนขึ้นในแต่ละปี ทั้งมาตรฐานงานที่สูงขึ้น ความคาดหวังด้านประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น และบทบาทใหม่ของเครื่องมือที่ไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์ทำงาน แต่กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ระบบงานทั้งหมดเดินหน้าได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย
คุณเอกพล สหวุฒิวงศา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยเส็ง อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เล่าถึงประสบการณ์จากงานสถาปนิก’68 ซึ่งกลายเป็นหมุดหมายสำคัญที่ทำให้ทีม Makita มองเห็นผู้ใช้งานในมิติที่ลึกขึ้น ทั้งความต้องการด้านเทคโนโลยี การใช้งานจริงในพื้นที่ และปัจจัยด้านความปลอดภัยที่ผู้ใช้ให้ความสำคัญมากขึ้น นำไปสู่แนวทางใหม่ที่เตรียมเปิดตัวในงานสถาปนิก’69 นี้
Table of Contents
เสียงจากผู้ใช้งานจริงกลายเป็นแรงผลักดันสู่การพัฒนา
งานสถาปนิก’68 ทำให้ Makita ได้พบผู้ใช้งานจากหลายสายงาน ทั้งสถาปนิก วิศวกร ผู้รับเหมา ไปจนถึงทีมปฏิบัติงานในพื้นที่จริงจากหลายภูมิภาค สิ่งที่เห็นเด่นชัดคือ ลูกค้ายุคใหม่ใช้ “ประสบการณ์จากการทำงานจริง” เป็นตัวตัดสินใจเลือกเครื่องมืออย่างแท้จริง โดยให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
จากข้อมูลที่ได้รับ Makita จึงพัฒนาแนวทางการทำงานหลายด้าน เริ่มจากการจัดเวิร์กช็อปทดลองใช้จริงในหลายจังหวัด เพื่อให้ผู้ใช้งานได้เรียนรู้การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับงานของตน พร้อมเข้าใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในมุมที่จับต้องได้ ต่อเนื่องด้วยการพัฒนาศูนย์บริการ Makita Authorized Service ทั่วประเทศ เพื่อรองรับบริการหลังการขายที่รวดเร็วและลดเวลาหยุดงานตามแนวคิด Zero Downtime Service รวมถึงการทำงานร่วมกับองค์กรพันธมิตรตามแนวคิด Partnership Growth เพื่อยกระดับการทำงานให้มีมาตรฐานที่ดีขึ้นตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง

จากการขายสินค้า สู่การเป็นผู้พัฒนาโซลูชันที่เหมาะสมกับแต่ละองค์กร
การเปลี่ยนผ่านที่สำคัญของ Makita ในช่วงปีที่ผ่านมา คือการขยายบทบาทจากผู้จัดจำหน่ายเครื่องมือ ไปสู่การออกแบบโซลูชันที่ตอบโจทย์รูปแบบงานเฉพาะของแต่ละองค์กร Makita นำข้อมูลเชิงลึกเข้ามาช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานผ่านระบบ Customer Data Insight เพื่อออกแบบโปรโมชันและบริการหลังการขายที่สอดคล้องกับลักษณะงานจริง รวมถึงการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในการให้ความรู้และเทคนิคการใช้งานที่นำไปใช้ได้ในชีวิตจริง
ในด้านเทคโนโลยีใหม่อย่าง AI บทบาทของมันเริ่มเห็นชัดขึ้นในฐานะเครื่องมือที่ช่วยเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างแบรนด์และผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ลักษณะการใช้งานเพื่อวางบริการหลังการขายแบบรายบุคคล หรือการช่วยให้ทีมงานเข้าใจโจทย์เฉพาะของแต่ละโปรเจกต์ได้ถูกต้องยิ่งขึ้น ทำให้ Makita ก้าวสู่บทบาท “คู่คิดด้านเครื่องมือ” ที่ร่วมเดินไปกับการเติบโตขององค์กรก่อสร้างไทยอย่างแท้จริง


โฟกัสที่ผู้ใช้งานจริง: ทำงานง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และดีต่อสุขภาวะ
แม้เทคโนโลยีจะพัฒนาไปไกลเพียงใด แต่สิ่งที่ Makita ให้ความสำคัญไม่เคยเปลี่ยน คือความปลอดภัยและสุขภาวะของผู้ใช้งาน เครื่องมือรุ่นใหม่จึงถูกออกแบบเพื่อลดผลกระทบระยะยาวต่อร่างกาย ทั้งระบบลดแรงสั่นสะเทือน การควบคุมระดับเสียง และเทคโนโลยีที่ช่วยลดฝุ่นละออง เพื่อปรับคุณภาพอากาศในพื้นที่ใช้งานให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Makita ยังจัดกิจกรรมด้านความปลอดภัย เช่น “Makita Smart & Safe Work” เพื่อให้ผู้ใช้งานเรียนรู้วิธีเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับงานและช่วยดูแลสุขภาวะของตนเองในระยะยาว
มากกว่าแค่เครื่องมือ แต่คือระบบงานที่ช่วยยกระดับทั้งองค์กร
Makita เชื่อว่าการเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพขององค์กร ทั้งคุณภาพงาน ต้นทุนพลังงาน และความต่อเนื่องของกระบวนการทำงาน บริษัทจึงลงทุนกับระบบบริการหลังการขายที่มีอะไหล่มากกว่า 20,000 รายการ พร้อมนำเสนอเครื่องมือที่ประหยัดพลังงานและช่วยลดต้นทุนในระยะยาว รวมถึงสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับผู้พัฒนาโครงการและภาคออกแบบเพื่อผลักดันมาตรฐานการทำงานที่ดีขึ้นร่วมกัน
ในอนาคต Makita เตรียมต่อยอดบทบาทไปสู่การเป็นที่ปรึกษาองค์กรด้านการเลือกใช้เครื่องมือที่สนับสนุนแนวคิด ESG ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า Makita ไม่ได้เป็นเพียงผู้จำหน่ายเครื่องมือ แต่เป็นระบบงานที่ช่วยให้องค์กรเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนตามเป้าหมาย
Makita ในงานสถาปนิก’69: พื้นที่ที่ทำให้มองเห็นอนาคตของการทำงานที่ดีขึ้นกว่าที่เคย
งานสถาปนิก’69 Makita เตรียมนำเสนอแนวคิด “Build Better, Live Better with Makita ESG” เพื่อสื่อให้เห็นบทบาทใหม่ของเครื่องมือในฐานะองค์ประกอบสำคัญของกระบวนการทำงานคุณภาพสูง ภายในบูธผู้ชมจะได้ทดลองใช้เครื่องมือรุ่นใหม่ที่ออกแบบเพื่อลดฝุ่น ลดเสียง และประหยัดพลังงานในโซน Green Productivity Experience พร้อมบริการให้คำปรึกษา Makita for ESG Site ที่ช่วยวางแนวทางการทำงานเชิงองค์กรอย่างปลอดภัยและยั่งยืน และกิจกรรม Recycle for Reward ที่ส่งเสริมการนำเครื่องมือเก่ามารีไซเคิลอย่างถูกวิธีเพื่อลดของเสียในอุตสาหกรรมก่อสร้าง
บูธนี้ถูกออกแบบให้สะท้อนว่า “การทำงานที่ดีขึ้น” สามารถเกิดขึ้นได้จริง ผ่านเครื่องมือและระบบงานที่พัฒนามาอย่างเข้าใจผู้ใช้งานในทุกระดับ
มาร่วมสัมผัสมุมมองใหม่ของเครื่องมือช่างที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานยุคใหม่ ทั้งรวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม ได้ที่บูธ L203 ภายในงานสถาปนิก’69 งานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมและผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2569 เวลา 10.00–20.00 น. ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1–3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี






























