Moss Plus เตรียมเปิดตัวทางเลือกใหม่ของพื้นที่สีเขียวภายในสู่เวทีสถาปนิก’69

ปีนี้ Moss Plus เตรียมเผยโฉมสู่สายตาวงการออกแบบเป็นครั้งแรกในงานสถาปนิก’69  พร้อมแนะนำ “มอสจริง” ในรูปแบบใหม่ที่หลายคนอาจยังไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นพืชธรรมชาติที่ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อหยุดการเจริญเติบโต แต่ยังคงรูปทรง และความนุ่มขณะสัมผัส ไว้ได้ยาวนาน โดยไม่ต้องการน้ำ แสงแดด ดินหรือปุ๋ยใด ๆ

การเปิดตัวครั้งนี้นำโดย คุณจูน เซคิโน สถาปนิกและผู้ก่อตั้ง Junsekino Architect and Design หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Moss Plus ซึ่งเล่าว่าจุดเริ่มต้น เกิดจากความสนใจในมอสจากที่ถูกใช้ในต่างประเทศอย่างแพร่หลาย ทั้งในสิงคโปร์ ฮ่องกง และฟินแลนด์ ก่อนจะนำกลับมาศึกษา ทดลอง และพัฒนาอย่างจริงจังในประเทศไทยจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมใช้งานในหลากหลายรูปแบบ ทั้งงานตกแต่งภายใน วอลฟีเจอร์ เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้กระทั่งองค์ประกอบเชิงภูมิทัศน์ภายในอาคาร

จุดเริ่มต้นของ Moss Plus เมื่อสถาปนิกพบวัสดุธรรมชาติที่ตอบโจทย์พื้นที่ภายใน

คุณจูนเล่าถึงจุดเริ่มต้นจากการได้เห็นงานมอสในต่างประเทศ ซึ่งถูกใช้ในงานอินทีเรียและแลนด์สเคปภายในอาคารอย่างแพร่หลาย ทั้งในแกลเลอรี โรงแรม ไปจนถึงออฟฟิศขนาดใหญ่ วัสดุชนิดนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่เป็น “สิ่งมีชีวิตจริง” ที่ผ่านกระบวนการคงสภาพด้วยเทคนิคเฉพาะ และสามารถอยู่คงสภาพได้ยาวนานหลายปีโดยไม่ต้องดูแล เมื่อเทียบกับประเทศไทยที่แทบยังไม่มีใครนำวัสดุชนิดนี้มาใช้ จึงกลายเป็นแรงกระตุ้นให้ทีมงานเริ่มต้นศึกษากระบวนการผลิต การติดตั้ง และการดูแลอย่างจริงจัง จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมใช้งานและให้บริการสำหรับตลาดไทยในวันนี้

ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ต้องการน้ำ แสงแดด หรือดิน จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานออกแบบที่ต้องการ “นำธรรมชาติเข้าไปอยู่ในอาคารจริง ๆ” โดยไม่สร้างภาระเพิ่มเติมให้ผู้ใช้งาน และสามารถใช้ได้กับพื้นที่ภายในอาคารเกือบทุกประเภท ทั้งบ้านพักอาศัย โรงแรม ร้านอาหาร พื้นที่เชิงสร้างประสบการณ์ และอาคารสาธารณะอื่น ๆ

มอสที่มากกว่าความสวยงาม: วัสดุที่ตอบโจทย์ทั้งสุขภาวะ ความยั่งยืน และคุณค่าทางอารมณ์ของพื้นที่

สิ่งที่ทำให้ Moss Plus โดดเด่น คือความเป็นมิตรต่อทั้งผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม  โดยเราคัดสรรผู้ผลิต Preserved Moss ชั้นนำโดยเฉพาะฟินแลนด์และฝรั่งเศส ที่ใช้กระบวนการเก็บเกี่ยว ผลิต และสีปลอดสารพิษตามมาตรฐานยุโรป (Non-toxic colorants) และปลอดจากสารระเหยที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับอาคารที่ต้องการมาตรฐานด้านสุขภาวะสูง เช่น โรงแรมระดับพรีเมียม สำนักงานสมัยใหม่ ที่พักอาศัย หรือพื้นที่ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพอากาศภายในอาคารเป็นพิเศษ

ด้วยอายุการใช้งานที่ยาวนานเฉลี่ยมากกว่า 5 ปีขึ้นไป และเป็นวัสดุที่มาจากธรรมชาติอย่างแท้จริงมอสจึงเป็นวัสดุที่สะท้อนความยั่งยืนในเชิงปฏิบัติอย่างแท้จริง ทั้งการลดทรัพยากรในการดูแล ลดการใช้วัสดุทดแทนที่สร้างขยะ และช่วยให้พื้นที่ที่ไม่สามารถปลูกต้นไม้จริงได้ กลับมามี “มุมของธรรมชาติ” อยู่ภายในอาคารได้อีกครั้ง

นอกจากนี้ คุณค่าของมอสยังไม่ได้จำกัดอยู่เพียงงานตกแต่งในสเกลใหญ่เท่านั้น แต่ยังสามารถเติมบรรยากาศให้พื้นที่เล็ก ๆ ได้อย่างมีความหมาย ไม่ว่าจะวางไว้ในกรอบตั้งโต๊ะ ชั้นหนังสือ โต๊ะทำงาน หรือพื้นที่ส่วนตัวเล็ก ๆ มอสจะช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย ลดความแข็งกระด้างของสภาพแวดล้อมภายในอาคาร และเพิ่มความรู้สึก “มีชีวิต” ให้พื้นที่โดยไม่ต้องดูแลใด ๆ

ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบผนัง ฟีเจอร์หลักของอาคาร องค์ประกอบตกแต่ง หรือแม้แต่เป็น “ป่าเล็ก ๆ บนโต๊ะทำงาน” มอสก็ช่วยเติมเต็มทั้งด้านความงาม ความสงบ สบายใจ และความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ซึ่งเป็นคุณค่าที่วัสดุทดแทนทั่วไปไม่สามารถมอบให้ได้

ทำไม Moss Plus เลือกเปิดตัวในงานสถาปนิก’69

Moss Plus เลือกเปิดตัวในงานสถาปนิก’69 เป็นเวทีแรก เพราะเชื่อว่างานนี้คือพื้นที่ที่รวบรวมคนทำงานตัวจริงของวงการออกแบบ–ก่อสร้างไว้ครบที่สุด ทั้งสถาปนิก นักออกแบบ ผู้พัฒนาโครงการ นักลงทุน ไปจนถึงผู้ประกอบการด้านวัสดุ และผู้สนใจเทรนด์ใหม่ของวงการแต่ละปี งานสถาปนิกจึงเป็นเหมือน “จุดตั้งต้นของบทสนทนาใหม่ ๆ ด้านวัสดุ” และเป็นพื้นที่ที่สามารถทดสอบว่าผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ตลาดจริงหรือไม่

สำหรับ Moss Plus ความเข้าใจของผู้ใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ วัสดุประเภทนี้อาจไม่สามารถสื่อสารผ่านภาพถ่ายหรือคำบรรยายได้ทั้งหมด คุณจูนจึงต้องการให้ผู้เข้าชม “เข้าใจจากการเห็นของจริง สัมผัสจริง และทดลองด้วยตัวเอง” ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากช่องทางอื่น บูธของแบรนด์จึงออกแบบให้เน้นการให้ข้อมูลอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่มอสคืออะไร ใช้อย่างไร เหมาะกับพื้นที่แบบไหน ไปจนถึงเหตุผลด้านต้นทุน คุณค่าที่ได้เมื่อเลือกใช้ และความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่วัสดุชนิดนี้สามารถสร้างให้กับงานออกแบบภายในได้

การเปิดตัวครั้งแรกในงานสถาปนิก’69 จึงไม่เพียงเป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์ให้วงการรู้จัก แต่ยังเป็นโอกาสให้ Moss Plus วางหมุดหมายแรกในฐานะสตูดิโอออกแบบชั้นนำ ผู้เชี่ยวชาญการสร้างสรรค์งานศิลป์จาก Preserved Moss คุณภาพสูงผสานแนวคิด Biophilic Design เพื่อเติมเต็มคุณภาพชีวิตให้ทุกพื้นที่ สำหรับผู้ที่ใส่ใจดีไซน์และสิ่งแวดล้อม บนเวทีสำคัญที่สุดของอุตสาหกรรมในอาเซียน

AI กับวัสดุธรรมชาติ: เมื่อเทคโนโลยีช่วยขยายความรู้สึกที่มนุษย์โหยหา

แม้หัวใจของ Moss Plus จะยืนอยู่บน “ความเป็นธรรมชาติที่จับต้องได้” แต่กระบวนการทำงานกลับผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะ AI ซึ่งเข้ามาช่วยในช่วงต้นของการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบบร่าง ทดลองโทนสี หรือจำลองการจัดวางในพื้นที่จริง เพื่อให้ลูกค้าเห็นความเป็นไปได้หลายแบบภายในเวลาไม่นาน

อย่างไรก็ตาม Moss Plus ไม่ได้มอง AI ว่าเป็นผู้แทนของงานออกแบบ แต่เป็น “ผู้ช่วย” ที่ทำให้ดีไซน์เดินหน้าได้เร็วขึ้น ในขณะที่ตัวผลิตภัณฑ์เองทำหน้าที่เติมเต็มสิ่งที่เทคโนโลยีไม่สามารถแทนที่ได้ คือความรู้สึกของการมีสิ่งมีชีวิตอยู่ใกล้ตัว

คุณจูนมองว่า ยิ่งโลกมุ่งสู่ระบบดิจิทัลมากเท่าไร ผู้คนก็ยิ่งโหยหาธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น Moss Plus จึงกลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสองโลก ทั้งโลกของข้อมูลที่เติบโตด้วยความเร็ว และโลกของธรรมชาติที่ให้ความสงบ ความสดชื่น และความหมายทางอารมณ์ในพื้นที่ที่มนุษย์ใช้ชีวิตจริง

Moss Plus ในงานสถาปนิก’69 คือพื้นที่เล็ก ๆ ที่อยากให้คุณเดินเข้าไปแล้วยิ้ม

งานสถาปนิก’69 บูธของ Moss Plus ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่ที่ผู้ชมจะได้ “เห็นมอสของจริงอย่างใกล้ชิด” และทำความเข้าใจวัสดุชนิดนี้จากประสบการณ์ตรง มากกว่าจากคำบรรยายเพียงอย่างเดียว การได้มองพื้นผิวจริง สีจริง และลักษณะของมอสในระยะประชิด จะช่วยให้หลายคนเห็นว่ามอสสามารถสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและสดชื่นให้พื้นที่ภายในได้อย่างเป็นธรรมชาติ แม้จะอยู่ในจุดที่ธรรมชาติไม่เคยเข้าถึงมาก่อน

บูธของ Moss Plus จึงตั้งใจให้เป็นเหมือนมุมเล็ก ๆ ที่พาความรู้สึกของ “ธรรมชาติที่อยู่ใกล้ตัว” กลับคืนมา หากผู้ชมเดินเข้าไปแล้วรู้สึกสบายตา หรือยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย นั่นคือประสบการณ์ที่แบรนด์อยากส่งมอบให้ผู้เข้าชมงานในครั้งนี้

สัมผัสธรรมชาติในรูปแบบใหม่ จาก Moss Plus ได้ที่บูธหมายเลข F304/1 ภายในงานสถาปนิก’69 งานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมและผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2569 เวลา 10.00–20.00 น. ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1–3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี