“Makita” จากร้านโรงงานที่เกิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่น สู่การเป็นแบรนด์เครื่องมือไฟฟ้าและเครื่องมือไร้สายคุณภาพสูง ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยควบรวมอยู่กับเครื่องมือแต่ละตัว ครอบคลุมการใช้งานอย่างหลากหลาย ตั้งแต่งานก่อสร้าง งานโครงสร้าง งานอุตสาหกรรม งานสวน รวมไปถึงงานภายในบ้าน จึงทำให้ปัจจุบัน มากีต้า เป็นแบรนด์เครื่องมือไฟฟ้าที่ได้รับการยอมรับและความไว้วางใจจากผู้ใช้ทั่วโลก และเป็นแบรนด์ยอดขายอันดับ 1 ในประเทศ

ผู้นำตลาดเทคโนโลยี Power Tools โดดเด่นด้วยแบตเตอรี่ระบบลิเธียมและมอเตอร์ DC แบบไร้แปรงถ่าน

เครื่องมือช่างจาก Makita เป็นเครื่องมือไฟฟ้าไร้สายที่ให้พลังงานด้วยเเบตเตอรี่ลิเธียมไอออน โดยจุดเด่นของเเบตเตอรี่มากีต้าอยู่ที่ชิพคอนโทรลระหว่างตัวแบตเตอรี่ที่สามารถสื่อสารกับเครื่องมือไร้สายทำให้ผู้ใช้งานได้รับความปลอดภัยสูงสุดในกรณีที่มีการใช้งานเกินกำลัง เนื่องจากมีโครงสร้างที่เเข็งเเรงเเละทนทานพิเศษ นอกจากนี้เเบตเตอรี่ลิเธียมไอออนของมากีต้าเซลล์แบตเตอรี่เป็นระดับพรีเมียมสามารถจ่ายกระเเสไฟที่เสถียร เก็บรักษาพลังงานได้เป็นเวลานาน เเละรองรับการใช้งานกับเครื่องมือของ Makita ได้มากกว่า 240 เครื่อง

เทคโนโลยีมอเตอร์ DC เเบบไร้เเปรงถ่าน มีข้อดีคือ มีกำลังมากขึ้น ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและขนาดเล็กตัวเครื่องเล็กลง ไม่ต้องเสียพลังงานไปกับแปรงถ่าน เเละเพิ่มระยะเวลาการใช้งานได้อย่างยาวนานขึ้น ช่วยให้เเบตเตอรี่อยู่ได้นานเเละทนทาน มอเตอร์เเบบไร้เเปรงถ่านมีความร้อนต่ำจึงช่วยลดความร้อนในการทำงานเเม้ผ่านการใช้งานมาอย่างต่อเนื่อง

ไม่ใช่ช่างก็ใช้ได้ พบ 3 เครื่องมือ ลดแรง-ลดเวลาในการก่อสร้าง จาก Makita

นอกจากเครื่องมือที่ใช้ในการขุด เจาะ หรือตัด ที่เหมาะสำหรับช่างทั่วไปแล้ว ทาง Makita ยังพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย โดยผลิตเครื่องมือที่บุคคลทั่วไปสามารถใช้ได้เช่นกัน และนี่คือ 3 เครื่องมือจาก Makita ที่อยากจะแนะนำ

เลื่อยโซ่ไร้สาย (Cordless Chain Saw) เลื่อยที่มาพร้อมความสามารถเทียบเท่ากับเลื่อยยนต์ขนาด 25 ซีซี โดยใช้แบตเตอรี่ 18 V มีความเร็วโซ่สูงสุดถึง 24 เมตร/วินาที และจำนวนการตัดสูงสุดถึง 160 ครั้ง เร็วกว่าเครื่องยนต์ขนาด 22.2 ซีซี ถึง 50% สำหรับตัวเครื่องสามารถปรับความเร็วได้หลายระดับ พร้อมโหมดเพิ่มแรงบิดให้พลังงานสำหรับการตัดกิ่งหนาและแข็ง

นอกจากนี้ตัวเลื่อยโซ่ไร้สายยังเพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบ Soft Start และระบบเบรคโซ่ มีน็อตล็อคกันคลายเพื่อป้องกันการหลุดจากการปรับ และมีตัวปรับน้ำมันเลื่อยโซ่ สำหรับตัวเครื่องมีดีไซน์ที่จับถนัดมือ มีสมดุล ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ตัวเครื่องมีห่วงไว้สำหรับแขวนเครื่อง ง่ายต่อการจัดเก็บ ที่สำคัญมีเอกสารรับรองทางกฎหมาย

รถเข็นล้อเดี่ยวแบบใช้แบตเตอรี่ (Battery Powered Wheelbarrow) รถเข็นล้อเดี่ยวที่ช่วยลดแรงในการเข็น ด้วยการใช้แบตเตอรี่ 18 V โดยสามารถใส่แบตเตอรี่ได้ 2 ก้อน ในขณะที่ใช้งานจากแบตเตอรี่ทีละก้อน ใช้งานได้นานถึง 50 นาที ตัวเครื่องยนต์สามารถปรับความเร็วได้ มีสวิตซ์ควบคุมตรงด้ามจับที่สามารถปรับระดับความเร็วได้ 2 ระดับ ในอัตราความเร็วที่สม่ำเสมอ อีกทั้งยังสามารถรองรับน้ำหนักในการใช้งานได้สูงสุดถึง 130 กิโลกรัม

สำหรับตัวรถเข็นมี 2 แบบให้เลือกตามการใช้งาน แบบแรกคือ รถเข็นแบบตะแกรง เหมาะสำหรับใช้ในงานสวน เช่น ขนท่อนซุง ท่อนไม้ หรือกระสอบปุ๋ย ส่วนแบบที่สองคือ รถเข็นแบบกระบะ เหมาะสำหรับงานก่อสร้าง เช่น ไว้ขนดินหรือทราย นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันการใช้งานภายนอกอื่น ๆ อย่าง ด้ามจับสามารถพับได้ ล้อหลังสามารถถอดออกเพื่อเปลี่ยนการใช้งานเป็นแบบขาตั้ง ช่วยให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น อีกทั้งยังสามารถปรับระดับความสูงของตัวรถได้ 3 ระดับ ส่วนด้านข้างของตัวรถมีไฟส่องสว่างในตัว และมีตัวคันโยกสำหรับเบรค พร้อมกลไกการล็อคล้อหน้า

หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ (Robotic Cleaner) หุ่นยนต์ที่สามารถทำความสะอาดได้กว้างถึง 300-500 ตร.ม. หรือประมาณ 2 สนามครึ่งของสนามเทนนิส ด้วยแบตเตอรี่ 18 V จำนวน 2 ก้อน ทำความสะอาดอัตโนมัติด้วยเซนเซอร์หลายตัว สามารถตั้งค่าพื้นที่ในการทำงาน ด้วยโหมดการทำงาน 2 โหมด คือโหมดสุ่ม และโหมดรูปแบบ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน

หมดห่วงเรื่องเศษฝุ่น ด้วยแปรงปัดฝุ่นพลังงานสูงและขนาดใหญ่ที่ช่วยทำความสะอาดอย่างหมดจด พร้อมตัวปิดด้านข้างที่ช่วยในการเก็บกวาดบริเวณมุมห้อง รวมถึงบริเวณที่อยู่ใกล้สิ่งกีดขวาง ลักษณะของแปรงหมุนขนาดใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 มม. X 260 มม. อีกทั้งยังมีถังกักเก็บฝุ่นขนาด 2.5 ลิตร โดยตัวถังแบ่งเป็น 2 ช่วง สำหรับเก็บฝุ่นขนาดละเอียดและฝุ่นขนาดใหญ่ และมีพัดลมดูดฝุ่นที่สามารถดูดฝุ่นที่มีความละเอียดขึ้นสู่ช่องด้านบน ส่วนแปรงขนาดใหญ่จะปัดฝุ่นขนาดใหญ่เข้าบริเวณช่องด้านล่าง

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถพบกับเทคโนโลยีเครื่องมือไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่รองรับทุกโซลูชั่นจาก Makita ได้ภายในงาน ACT Forum’19 หรืองานสภาสถาปนิก’19 ที่บูธหมายเลข A107 ครั้งแรกของงานประชุมนานาชาติทางสถาปัตยกรรมและแสดงเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่ครอบคลุมที่สุดในประเทศ ระหว่างวันที่ 14-17 พฤศจิกายน 2562 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี

Previous articleออฟฟิศรูปร่างแปลกตา แรงบันดาลใจจากรูปทรงเรขาคณิต
Next articleลดเวลาดูแลสวนด้วย “เลื่อยโซ่ไร้สาย” พร้อมโหมดเพิ่มแรงบิด