ปัจจุบัน เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตมนุษย์เป็นอย่างมาก ตั้งแต่ตื่นจนกระทั่งนอนหลับ จนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในปัจจุบันไปแล้ว ดังนั้นผู้ผลิตจึงคิดค้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อวิถีชีวิตของผู้บริโภค รวมไปถึงแก้ไขปัญหาจากเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นในสังคม

คุณธนชาติ วรรณปรีดาพงษ์ (Mr. Tony Yang) ประธานบริษัท เอช ไอ พี โกลบอล จำกัด

“คุณธนชาติ วรรณปรีดาพงษ์ (Mr. Tony Yang)” ประธานบริษัท เอช ไอ พี โกลบอล จำกัด ก็มีแนวคิดที่ต้องการให้บริษัทเป็นส่วนหนึ่งในผู้ผลิตเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้คนในสังคมที่เปลี่ยนไป ด้วยเทคโนโลยีที่ครอบคลุมทุกฟังก์ชันการใช้งานเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและปลอดภัยในชีวิตประจำวัน

จากบริษัทที่สร้างผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบสแกนลายนิ้วมือ ไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมด้านความปลอดภัยในการใช้ชีวิตประจำวัน

บริษัท เอช ไอ พี โกลบอล จำกัด เป็นบริษัทแรกที่เริ่มนำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบสแกนลายนิ้วมือเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2001 และเป็นบริษัทที่ทำตลาดและปลุกกระแสวงการสแกนลายนิ้วมือด้วยการนำระบบ Biometric มาใช้ในผลิตภัณฑ์ ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ผลิตและจำหน่ายไปมากกว่า 1,500 รายการจนเป็นที่ยอมรับและเชื่อถือได้ว่าเป็นเจ้าแรก เจ้าเดียวในประเทศไทย ธุรกิจหลักคือจำหน่ายและพัฒนาโปรแกรม รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ และดำเนินการจัดหาและจัดส่งผลิตภัณฑ์ที่ดีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในตลาดผลิตภัณฑ์ระบบความปลอดภัย เน้นด้าน IoT และ Thailand 4.0 ต้องการทำให้มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ มานำเสนอ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย

 

HIP: Highest Idea Products ผู้ผลิตนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนตามยุคสมัย

มีการค้นคว้าข้อมูลว่ายุคสมัยนี้ต้องการเทคโนโลยีอะไร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ เช่น ตอนนี้มาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็มีผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ ในองค์กรมีครบทั้งแผนกหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ Marketing Programmer ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ ฯลฯ มีการตั้งสมาคมระบบความปลอดภัยไทยและทั่วโลก เพื่อศึกษา แลกเปลี่ยนและวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ให้คนไทย โดยไม่ต้องลงทุนสูงแต่ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพดี

ผลิตภัณฑ์ที่อยากนำเสนอ คือ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับโควิด-19 ซึ่งเป็นเครื่อง Thermo Scan สแกนได้ทีละมากกว่า 20 คน โดยมีห้าง สถานที่ราชการ โรงเรียน โรงงาน ตึกต่าง ๆ ใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา และในตอนนี้จะเริ่มเน้นผลิตภัณฑ์ 5G เน้น IoT และ Big Data มากขึ้น เพื่อนำเสนอทางเลือกใหม่ ๆ ให้ผู้ใช้งาน

รวม 10 เทคโนโลยีที่ HIP GLOBAL คิดค้นและพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยของคนในสังคมยุคใหม่

1.กล้องอ่านป้ายทะเบียน HIP LPR Camera

เพียงแค่ขับรถผ่าน LPR Camera ของ HIP ตัวกล้องจะทำการประเมินผล Image processing หมวดตัวอักษรและเลขทะเบียน (ขึ้นอยู่กับกล้องแต่ละรุ่น) มาพร้อมฟังก์ชัน HLC ตัดแสงไฟรถยนต์ในเวลากลางคืน เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างถูกต้อง สามารถใช้ในการกำหนดสิทธิ์เข้าออกของรถได้ (Member, Visitor, VIP)

อีกทั้งยังสามารถทำ Solution เข้ากับระบบ Car Park เพื่อใช้ในการบริหารจัดการระบบจอดรถแบบธรรมดาทั่วไปให้เป็นระบบจอดรถอัจฉริยะโดยไม่ต้องแลกบัตรเข้า-ออก เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ใช้งาน ตอบสนองทุกความต้องการ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานและบำรุงรักษา

2.เครื่องสแกนลายนิ้วมือ และสแกนใบหน้า กับนวัตกรรมการส่งข้อมูลผ่าน Wi-Fi

HIP มีการพัฒนาระบบเครื่องสแกนลายนิ้วมือ และสแกนใบหน้าให้สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบ Internet เพื่อใช้ในการส่งข้อมูลผ่าน Wi-Fi เน้นความสะดวกสบายแก่ลูกค้า โดยไม่จำเป็นต้องเดินสาย LAN ให้ยุ่งยากอีกต่อไป และลดต้นทุนในการติดตั้งได้อีกด้วย เหมาะสำหรับพื้นที่ห่างไกล องค์กรที่มีหลายสาขา สามารถส่งข้อมูลแสดงไปยัง Server ที่สำนักงานใหญ่ได้ โดยไม่ต้องลงทุนติดตั้งอินเตอร์เน็ตแบบเดินสาย Cable อีกต่อไป

3.CCTV Star Light

กล้องวงจรปิด Star Light Series กับภาพความคมชัดในยามค่ำคืน ตัวกล้องมาพร้อมกับฟังก์ชัน Star Light สามารถมองเห็นภาพสีได้แม้ในพื้นที่ที่มีแสงน้อย โดยกล้องให้ภาพสีสันที่สมบูรณ์แบบในความมืดที่เกินกว่ากล้องตัวอื่นจะรับได้ ด้วยข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค กล้อง Star light จึงทำงานได้เต็มประสิทธิภาพทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

4.Smart Camera

เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับชีวิตง่าย ๆ ด้วย Smart Camera (CMS series) เพียงแค่มี Wi-Fi ก็สามารถใช้งานกล้อง Smart Camera ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเดินสายให้ยุ่งยากอีกต่อไป เพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการใช้งานผ่าน Application บน Smartphone ดาวน์โหลด Application ได้ฟรี ใช้งานง่าย สะดวกสบาย เน้นความปลอดภัย โดยกล้อง CMS21 เหมาะกับบ้านพักอาศัยขนาดเล็ก คอนโดฯ หรือร้านค้าที่ต้องการความปลอดภัยในพื้นที่ที่จำกัด

5.Car AI

ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) นั้นเป็นแนวคิดที่มีมานานมาก และมีการพัฒนาต่อเนื่องมาหลายสิบปี โดยเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ จุดเด่นที่มีคือความสามารถในการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง คิด วิเคราะห์ และแยกแยะข้อมูลที่ซับซ้อนได้

ระบบ Car AI จะทำการส่งเสียงเตือนให้ผู้ขับรู้ตัวทันทีเมื่อเกิดสัญญาณที่อันตรายในการขับรถ เช่น ไม่มองทาง ไม่มีสมาธิ เล่นโทรศัพท์ขณะขับรถ สูบบุหรี่ หาว หลับตา ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อทำให้ผู้ขับขี่มีความระมัดระวังและทำให้ผู้โดยสารรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ระบบ Car AI จะเข้ามาช่วยปรับภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว ช่วยลดอุบัติเหตุจากปัจจัยความเสี่ยงต่าง ๆ บนท้องถนนจากผู้ขับขี่ยานพาหนะได้อีกด้วย

6.NB-IoT GPS Tracker

เทคโนโลยี NB-IoT (Narrow band internet of things) มาตรฐานใหม่ล่าสุดของการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ต่าง ๆ เข้าสู่อินเทอร์เน็ตมือถือ แทนที่จะเชื่อมต่อผ่าน 3G/4G ตามปกติ HIP จึงนำเทคโนโลยี NB-IoT เข้ามาพัฒนาร่วมเข้ากับระบบ Security จนเกิดผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า NB-IoT GPS Tracker เป็นระบบเฝ้าระวังและติดตามยานพาหนะในทุกสถานการณ์ และสามารถแจ้งเตือนการเกิดปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจจะมีความเสี่ยงทำให้เกิดอุบัติเหตุ ด้วยเทคโนโลยี NB-IoT GPS Tracker เข้ามามีบทบาทในการแก้ปัญหา และลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ทั้งยังช่วยในการปรับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของเมืองไทยให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

– รองรับระบบ Logistic ภาคพื้นดิน

– เลือกใช้ได้ทั้งองค์กรและบุคคลทั่วไป

– มีทั้งระบบ Web Portal และ Application

7.HIP Smart Home

HIP Smart Home นำเอาระบบรักษาความปลอดภัยมาต่อยอดรวมกับการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในชีวิตประจำวันของเราอย่างสมาร์ทโฟน แทปเล็ต รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเอามาเชื่อมโยงและรับส่งข้อมูลร่วมกัน ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และผู้ใช้สามารถสั่งการอุปกรณ์เหล่านั้นจากที่ใดก็ได้

HIP Smart Home คือระบบบ้านอัจฉริยะ ซึ่งใช้นวัตกรรมเพื่อคนยุคใหม่ ด้วยการทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้านพักหรือสถานที่ต่าง ๆ และแอปพลิเคชันซึ่งใช้งานภายในมือถือมาควบคุม ไม่ว่าจะเป็นระบบเปิด-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าอัตโนมัติ ระบบสั่งเปิด-ปิดวิทยุด้วยเสียง หรือระบบล็อกประตูบ้านอัตโนมัติ รวมทั้งระบบเซนเซอร์ ตรวจจับขโมยในรูปแบบต่าง ๆ และแจ้งเตือนมายังสมาร์ทโฟนของเราเมื่อเราไม่อยู่บ้าน เพื่อความสะดวกสบายและเพิ่มความปลอดภัยสูงสุด

 

8.HIP Cloud Security Center

ก้าวข้ามขีดจำกัดเทคโนโลยีใหม่จาก HIP Cloud ที่มาพร้อมกับการปรับเปลี่ยนสู่ยุค IoT เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคมยุคใหม่ที่ต้องการความทันสมัย ความปลอดภัยและความสะดวกสบาย อีกทั้งสังคมในประเทศไทยที่มีอัตราผู้สูงวัยมากขึ้น ต้องอยู่บ้านโดยลำพัง จึงได้มีแนวทางที่นำ HIP Cloud Security เข้ามายกระดับคุณภาพชีวิตด้านระบบรักษาความปลอดภัย โดยเชื่อมโยงระบบ CCTV, ระบบ Alarm, ระบบ Fire Alarm และระบบ Smart Home เข้าไว้ด้วยกันโดยเชื่อมโยงกับ IoT ในการควบคุมอุปกรณ์

รวมไปถึงการใช้ Application บนมือถือที่ติดตัวผู้ใช้ตลอดเวลาเสมือนเป็นรีโมทควบคุมทุกอย่างภายในบ้าน เน้นความสะดวกสบายและประหยัดพลังงาน มีศูนย์บริการระบบ Online Monitor แบบ Real time แจ้งเตือนภัยมายังศูนย์ควบคุม HIP Cloud Security Center พร้อมมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยการแจ้งเตือนสามารถระบุประเภทและพิกัดได้ ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในระบบ Cloud Server ได้นานถึง 6 เดือน สามารถบันทึกภาพเป็นวิดีโอและภาพนิ่งได้ รองรับการใช้งานระบบ Sim Card กรณีสัญญาณหลักมีปัญหา โดยได้รับการจดลิขสิทธิ์ของโปรแกรมและแอปพลิเคชันไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

9.HIP Infrared Thermometer รุ่น CMK3

เครื่องวัดอุณหภูมิหน้าผาก ไม่ต้องสัมผัส ติดตั้งสะดวก คัดกรองได้เร็ว แจ้งเตือนในทันทีด้วยเสียง เคลื่อนย้ายสะดวก มีทั้งจุดยึดสำหรับติดผนัง และสามารถติดตั้งได้กับขาตั้งทั่วไป

10. กล้องตรวจจับความร้อน CM92H

กล้องตรวจจับความร้อน CM92H สำหรับคัดกรอง COVID-19 จาก HIP GLOBAL ระบบถ่ายภาพความร้อนประมวลผลด้วย AI อัจฉริยะ คัดกรองภาพความร้อนของบุคคลจำเพาะเจาะจงใบหน้า มีความแม่นยำสูง ทำงานร่วมกับเซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิความร้อน พร้อมโปรแกรมอัลกอริธึมและเทคโนโลยีการประมวลผลภาพ ISP เพื่อความแม่นยำในการทำงาน

ความทันสมัย ความสะดวกสบาย และการเสริมสร้างความปลอดภัย ถือเป็นโจทย์ที่สำคัญของการออกแบบผลิตภัณฑ์ใด ๆ ขึ้นมา นอกจากนี้ยังต้องสอดคล้องกับเทรนด์ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความท้าทายของผู้ผลิตที่จะสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ ทาง HIP GLOBAL ยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่รังสรรขึ้นมาเพื่อสร้างความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภคอีกมากมายหลายรายการ ซึ่งล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นอย่างคาดไม่ถึง โดยคุณสามารถมาสัมผัสนวัตกรรมไปกับ HIP GLOBAL ได้ด้วยตัวเองที่บูธ L402 ในงาน ACT FORUM ’20 Design + Built ระหว่างวันที่ 18 – 22 พฤศจิกายน 2563 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี

ลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าได้แล้วที่ http://actforum.prereg.info/form.asp?lang=TH

Previous articleซ่อมแล้ว หลุมกลางถนนพระราม 5
Next articleบอกลาหลังคารูปแบบเก่าด้วย “หลังคาไฮบริด (Hybrid Roof)” จาก พีโอเอฟ แปซิฟิค
เบากว่า เงียบกว่า เย็นกว่า เหมาะกับงานก่อสร้างทุกรูปแบบ
Porntiwa
สาวรัฐศาสตร์หน้าใส หัวใจรักการเขียน ผู้ผันตัวจากสายการเมือง มุ่งหน้าสู่สถาปัตยกรรมเต็มตัว