“ผ้า” ถือเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเราทุกคนมาก เป็นสิ่งที่เรา (คิดว่า) รู้จักดี เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน และ “ชิน” กับมันไปเสียแล้ว แต่ใครจะไปรู้รายละเอียดเชิงลึกว่าผ้ามีความละเอียดอ่อนมากกว่าที่คิด และเป็นอะไรได้มากกว่าผ้าทั่วไปที่เรา (เคย) รู้จัก

คุณณรงค์ศักดิ์ ทองวัฒนาวณิช ผู้ก่อตั้งบริษัท วัน มอร์ ติง จำกัด

จากความซ้ำซากจำเจ นำไปสู่การค้นหาความแตกต่าง ด้วยแนวคิดของ “คุณณรงค์ศักดิ์ ทองวัฒนาวณิช” ผู้ก่อตั้งบริษัท วัน มอร์ ติง จำกัด ที่ได้พลิกโฉมหน้าของการผลิตผ้าตั้งแต่การดีไซน์ จนไปสู่กรรมวิธีการผลิตตามคอนเซปต์ที่คุณณรงค์ศักดิ์ยึดถือ ซึ่งก็คือ “แหกคอก นอกกรอบ” เพื่อหาความแปลกใหม่สู่ตลาด ทว่าในขณะเดียวกันก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ล้อไปกับเทรนด์ได้ลงตัวอย่างน่าเหลือเชื่อ

การผันเปลี่ยนจากการรับจ้างผลิตผ้า สู่ “OneMoreThing” แบรนด์ที่มีเอกลักษณ์มากกว่าการขายผ้า

OneMoreThing เกิดขึ้นมาเพราะส่วนตัวมีอุดมการณ์ในการสร้างแบรนด์มานานแล้ว ต้องการ Transform ตัวบริษัทที่ทำมานาน ซึ่งเป็นบริษัทรับจ้างผลิตผ้าอยู่แล้ว โดยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น มันทำให้เราสร้างความแตกต่าง มองว่าถ้าไม่เปลี่ยนแปลงอาจเจอทางตันได้ ซึ่งในตลาดไทยและต่างประเทศก็เต็มไปด้วยตลาดผ้า เราจึงทำเป็นแบรนด์แห่งความ “แหกคอก และนอกกรอบ” เป็นหนึ่งในตัวตนของแบรนด์เพื่อให้ไม่ซ้ำกับท้องตลาด

นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสร่วมงานกับ “คุณศรัณย์ เย็นปัญญา” ดีไซเนอร์แนวหน้าของเมืองไทยที่มีความเข้าใจตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในแง่มุมต่าง ๆ เพื่อร่วมกันสร้างแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น

“งานศิลปะไม่ควรอยู่แต่บนผนัง แต่ต้องใช้ได้ในชีวิตประจำวันด้วย” การระเบิดตัวตนของดีไซเนอร์บนผืนผ้าที่มีคุณภาพ

แนวคิดการออกแบบขึ้นอยู่กับแต่ละโจทย์ที่เราตั้ง คือ ผลิตภัณฑ์ที่เราผลิตออกมามันไม่ใช่ผ้าผืนธรรมดา แต่เป็นผ้าที่สามารถทอ (Weaving) ได้ละเอียดมาก ด้วยจำนวนสีที่มากกว่า เราดัดแปลง คิดค้นให้ได้ศักยภาพของผ้าให้ไปได้ไกลที่สุด แล้วการออกแบบก็ตามมาเพื่อให้ใช้ทรัพยากรที่มีให้คุ้มค่ามากที่สุด จนออกมาเป็นลวดลายต่าง ๆ มากมาย

และเพื่อสร้างสิ่งใหม่มากกว่านี้ เราจึงแปลงจากการวาดภาพทั่วไปที่วาดบนผืนผ้าแคนวาส หรือกระดาษ ด้วยการร่วมงานกับดีไซเนอร์ต่าง ๆ อีกมากมาย เกิดเป็น Designer Collaboration เพื่อจะได้ลายผ้าที่หาจากที่ไหนไม่ได้ และสิ่งสำคัญคือเพื่อให้ดีไซเนอร์ได้ระเบิดตัวตนออกมาในแบบที่เขาอาจไม่เคยเป็นมาก่อน

ตอนนี้เป็นคอลเลกชันที่ 2 แล้ว เราคิดว่าอย่างน้อยหนึ่งปีอยากจะออกคอลเลกชันใหม่สัก 2 ครั้ง โดยผลิตภัณฑ์ของ OneMoreThing แบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่

  1. OMT Fashion: ผ้าที่นำไปเป็นแฟชั่นต่าง ๆ เช่น เสื้อเชิ้ต กางเกงขาสั้น สูท เสื้อเบลาส์ เดรส ฯลฯ
  2. OMT Lifestyle: กระเป๋า รองเท้า เข็มขัด Accessories ต่าง ๆ
  3. OMT Home: สินค้าที่อยู่ในบ้าน เช่น เฟอร์นิเจอร์ เก้าอี้ โซฟา โต๊ะที่หุ้มด้วยผ้าของ OneMoreThing หมอนอิง เบาะรองนั่ง (Pouf) Modular Chair ภาพที่เป็นผ้าทอสำหรับติดผนัง (Wall Art) พรมทั้ง Indoor และ Outdoor ตะกร้า โคมไฟ โคมระย้า ฯลฯ
  4. OMT Interior Fabrics: ใกล้เคียงกับ OMT Home แต่เน้นการตกแต่งบ้าน เช่น วอลเปเปอร์ ผ้าม่าน ฯลฯ

“แหกคอก นอกกรอบ” คอนเซปต์ของแบรนด์ตั้งแต่การดีไซน์ วัสดุ ไปจนถึงเครื่องจักรที่ใช้ผลิต

ลักษณะผ้าของเราเป็นผ้าที่สามารถทอได้ละเอียดสูง ทอได้หลายสี ไม่ใช่งานพิมพ์ทั่วไป แต่เป็น Masstige (Mass+Prestige) เราแหกคอกไปยังเครื่องจักร แหวกแนวออกไปให้ใช้ผลิตลาย หรือวัสดุในแบบที่ไม่เคยผลิตมาก่อนได้ นอกจากนี้ยังต้องแหกคอกเรื่องของวัสดุ คือ การนำวัสดุหลาย ๆ อย่างมาผลิตรวมกัน รวมไปถึงวัสดุที่เราไม่เคยผลิตมาก่อน

นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมที่สร้างเป็นพรมภายในแบบนิ่ม (Soft Carpet) ไม่ใช่พรมที่เจอได้ทั่วไป เราทอวัสดุพิเศษเพื่อสร้าง พรมที่ใช้ภายนอก และเรายังหาวัสดุในงานหลังทอ คือ หลังจากทอเป็นผ้าแล้ว เรายังเอาไปแปรรูปต่อเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างคาแรกเตอร์ในแบบของเรา เช่น เคลือบผ้าให้มีความยืดหยุ่น กันน้ำ เป็นผ้านาโน เคลือบกันแบคทีเรีย ฯลฯ รวมไปถึงการทอผ้าม่านประหยัดไฟ ซึ่งสามารถลดอุณหภูมิ 4-5 องศาเซลเซียสภายในบ้านได้ และตอนนี้กำลังวิจัยผ้าลดเสียง ผ้าคอลลาเจน ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการนำวัสดุต่าง ๆ มาวิเคราะห์ จากการศึกษาด้วยตนเอง

เฟอร์นิเจอร์ของเราจะผ่านการขูด 2-3 หมื่นครั้งแล้วแต่ลาย ตามมาตรฐานที่ผ้าเฟอร์นิเจอร์ควรมี และสามารถทอเส้นใยหนา หรือให้บางที่สุดจนพลิ้วเหมือนกระดาษได้ เราสามารถผลิตได้หลายคุณภาพ ตั้งแต่ recycled polyester, คอตตอน, ไนลอน รวมถึงวัสดุธรรมชาติต่าง ๆ อีกด้วย

ขนขบวนความไม่เหมือนใครไปแสดงในงาน ACT FORUM ’20 Design + Built

เราจะนำผลิตภัณฑ์ทุกคอลเลกชันไปแสดงในงาน รวมไปถึงบริเวณที่ทำพื้นที่สัมมนาด้วย สิ่งที่เน้นจะเป็นผ้าลดอุณหภูมิ ซึ่งตอบโจทย์ในเรื่องของการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเราก็ใช้ผ้ารีไซเคิลอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีพรม Outdoor กันน้ำ ทั้งดีไซน์สวย และการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ

การออกแบบ “OneMoreThing” ให้เป็นแบรนด์แห่งนวัตกรรมและความแตกต่าง

สัญลักษณ์บวก (+) แทนการขัดกันของลายผ้า และเป็นคำว่า Plus ที่แปลว่ามากกว่า เรามองว่าในโลกของการขาย ผลิตภัณฑ์มันมีเยอะอยู่แล้ว เรามองว่า “ในชีวิตคุณ ย่อมมีพื้นที่ว่างให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเพิ่มขึ้นอยู่ดี” ดังนั้น การมีผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ดีไซน์เก๋ ๆ ที่มาจากเราก็น่าจะดี เราไม่ได้เป็นแบรนด์ OEM (Original Equipment Manufacturer: ผู้รับจ้างผลิตสินค้าให้กับบริษัทที่จะไปขายในแบรนด์ของตนเอง เป็นการผลิตตามแบบที่ลูกค้ากำหนด) แต่ OneMoreThing เป็นแบรนด์แห่งนวัตกรรมและความแตกต่าง ซึ่งเน้นให้ตนเองเป็นที่รู้จักด้วยความมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครนั่นเอง

การสร้างความแตกต่างจากสิ่งที่คนทั่วไปทำกันนั้นถือเป็นความท้าทายอย่างมาก ยิ่งแหกคอกจากสิ่งเดิมที่ทำมานานด้วยแล้วยิ่งถือเป็นความเสี่ยง แต่ OneMoreThing ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าความแตกต่างนั้นเป็นสิ่งที่ดี การได้ออกจาก Comfort Zone ออกจากสิ่งเดิม ๆ ที่ทำมานานอาจสร้างแรงกระเพื่อมบางอย่างในสังคมอย่างสร้างสรรค์ก็เป็นได้

แล้วพบกับแบรนด์แห่งความแหกคอกที่คุณจะได้สัมผัสทั้งผ้าที่มีคุณภาพ และงานดีไซน์อันแสนมีเอกลักษณ์ ซึ่งอาจสร้างแรงบันดาลใจ หรือจุดประกายอะไรบางอย่างในตัวคุณด้วยทางเลือกในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายไปกับ OneMoreThing ได้ที่ OneMoreThing Stage ในงาน ACT FORUM ’20 Design + Built ระหว่างวันที่ 18 – 22 พฤศจิกายน 2563 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี

ลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าได้แล้วที่ https://actforum.prereg.info/form.asp?lang=TH

Previous article“เกอร์เท็ก พรีซิชั่น อินดัสทรี เตรียมเปิดฐานการผลิตแห่งใหม่
ในเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน”
Next article“แสนสิริ” งัดกลยุทธ์เด็ดดูแลลูกบ้านถึงอนาคต
ชวน New Gen และครอบครัวรุ่นใหม่ “อัพสกิล” พร้อมสู่อาชีพในศตวรรษที่ 21
Porntiwa
สาวรัฐศาสตร์หน้าใส หัวใจรักการเขียน ผู้ผันตัวจากสายการเมือง มุ่งหน้าสู่สถาปัตยกรรมเต็มตัว