นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า จากข้อสั่งการเร่งด่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ) ถึงสถานการณ์มลภาวะทางอากาศที่มีฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ฟุ้งกระจายในปริมาณที่มากเกินเกณฑ์กำหนด ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในชีวิตประจำวัน ซึ่งกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้ตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญในการช่วยลดมลภาวะที่เกิดจากฝุ่นละอองอย่างต่อเนื่องโดยได้ดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ประกอบด้วย การดำเนินการลดฝุ่นในงานก่อสร้าง มีการดำเนินการเข้มงวดป้องกันฝุ่นละอองทุกโครงการการปล่อยละอองน้ำแรงดันสูง (High Pressure Water System) เพื่อดักจับฝุ่นละออง ได้แก่ สะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2,  สะพานพระพุทธยอดฟ้า, สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า, สะพานกรุงธน, สะพานพระราม 7, สะพานพระราม 5, สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์, ถนนราชพฤกษ์ ช่วงสะพานต่างระดับสวนเลียบ, ถนนราชพฤกษ์ ช่วง กม.ที่ 15+050, วงเวียนถนนราชพฤกษ์ตัดถนนนครอินทร์, ด่านชั่งน้ำหนักราชพฤกษ์, ด่านชั่งน้ำหนักสมุทรสาค,ร สะพานกรุงเทพ, สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, สะพานพระราม 4

รวมถึง การตรวจสอบสภาพยานพาหนะและเครื่องจักรกล แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือรถยนต์ของหน่วยงาน และยานพาหนะเครื่องจักรผู้รับเหมา

นอกจากนี้ ทช.ได้ขอความร่วมมือผู้รับจ้างเร่งดำเนินการตามมาตรการในการป้องกันและลดมลภาวะ ทางอากาศ PM 2.5 เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งได้สั่งการให้สำนักงานทางหลวงชนบท แขวงทางหลวงชนบท และหมวดบำรุงทางหลวงชนบททั่วประเทศ ให้ขอความร่วมมือผู้รับจ้างให้ดำเนินการตามมาตรการ ดังนี้

1.ให้ทุกโครงการรดน้ำและพรมน้ำเพื่อดับฝุ่นในพื้นที่ที่มีการก่อสร้าง

2.ให้ทุกโครงการฉีดน้ำล้างหรือจัดทำพื้นที่บ่อน้ำล้างล้อรถยนต์และรถบรรทุกให้สะอาดก่อนที่จะอนุญาตให้วิ่งออกนอกพื้นที่ก่อสร้าง

3.ให้ทุกโครงการตรวจสอบควันดำของเครื่องยนต์และเครื่องจักรที่ใช้ในการก่อสร้าง หากมีควันดำให้หยุดนำมาใช้ แล้วสั่งการให้ปรับปรุงแก้ไขให้อยู่ในสภาพดีก่อนจึงนำกลับมาใช้ในโครงการได้ทั้งนี้ ทุกโครงการจะต้องรายงานผลการดำเนินการตามข้อ 1-3 ที่กล่าวมาข้างต้น และให้ทุกหน่วยงานดำเนินการรวบรวม รายงานสรุปผลการดำเนินการของทุกโครงการ เพื่อให้สำนักก่อสร้างทางตรวจสอบและรวบรวมต่อไป

อย่างไรก็ตาม ทช.ยังได้ติดตั้งป้ายรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ หยุดเผาหญ้าข้างทางในเขตทางหลวงชนบท

ในพื้นที่ส่วนภูมิภาค ซึ่งหากเกิดเหตุจะสนับสนุนรถบรรทุกน้ำพร้อมบุคลากร บูรณาการดับไฟป่าร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างเร่งด่วนอีกด้วย

 

Previous articleเปิดตัว “Obodroid” ผู้พัฒนาหุ่นยนต์สัญชาติไทย ตอบสนองความต้องการ
ของธุรกิจอสังหาฯ และธุรกิจในอนาคต
Next articleสถาปนิกเสกสรรค์ “Beijing Hutong” จากตึกเก่าสู่แกลลอรีศิลปะร่วมสมัย
Ton Suwat
คอลัมนิสต์หนุ่ม ผู้หลงไหลในสถาปัตยกรรมไทยอีสาน และความง่ายงามตามวิถีชนบท