ในสภาพเศรษฐกิจและการเมืองในปัจจุบันที่ใครหลายคนรู้สึกก็เป็นกังวล แต่สำหรับตลาดที่พักอาศัยหรูระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่และไฮเอนด์กลับสวนกระแส กลายเป็นตลาดที่มีกระแสร้อนแรงทีเดียว เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเท่าไหร่นัก รวมทั้งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนมีผลทำให้ลูกค้าชาวต่างชาติสนใจเข้ามาจับจองที่พักอาศัยและลงทุนมากขึ้นด้วย

หากเปรียบเทียบกับหลายๆ เมืองใหญ่ในเอเชีย เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกงเซี่ยงไฮ้ และญี่ปุ่น ราคาอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพมหานครถือได้ว่ายังมีราคาถูกกว่ามาก ดังนั้นนักลงทุนทั้งหลาย ไม่ว่ารายเล็กหรือรายใหญ่จึงได้สนใจเข้ามาลงทุนกันมากขึ้น เราจึงเห็นโครงการสุดหรูหราในระดับซูเปอร์ลักซชัวรี่และระดับไฮเอนด์เกิดขึ้นจำนวนมากโดยในปีพ.ศ. 2559 นี้ มีผู้ประกอบเตรียมเปิดตัวกว่า 10 โครงการทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม เรียกได้ว่าแข่งกันทุบสถิติราคาขายต่อตารางเมตรกันเลยทีเดียว

IMG_3111

คอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่บนทำเลดีๆ ในย่านใจกลางเมืองยิ่งเป็นที่ต้องการของนักลงทุน เพราะการคมนาคมสะดวก ใกล้แหล่งไลฟ์สไตล์ ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่เป็นแบบ Freehold หรือคอนโดมิเนียมที่สามารถซื้อขาดและได้สิทธิ์เป็นเจ้าของโฉนดห้องชุดด้วยแล้ว แต่การจะหา
คอนโดมิเนียมโครงการดีทำเลสวยในย่านใจกลางเมือง เห็นจะหาได้ยาก เรื่องสนนราคาก็เรียกได้ว่าสูงลิบแทบไม่ต้องพูดถึงกันเลยเนื่องจากราคาที่ดินใจกลางเมืองมีราคาเพิ่มสูงขึ้นมาก ว่ากันว่า ในปี พ.ศ. 2558 ที่ดินที่มีการซื้อขายจริงบนถนนชิดลมนั้นสูงถึง 1.9 ล้านบาทต่อตารางวา โดยบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ซึ่งหากที่ดินราคาแพงก็ย่อมส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในราคาขายที่สูงขึ้น ทำให้ราคาห้องชุดขึ้นสูง ถึงตารางเมตรละ 3.5 แสนบาท และล่าสุดทุบสถิติสูงขึ้นเฉียด 5 แสนบาทต่อตารางเมตรกันเลย

ซึ่งข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (AREA) ได้พบว่า ในกรณีราคาเรียกขายซึ่งยังไม่มีการซื้อขายจริง ยังมีการเรียกขายที่ดินในย่านใจกลางเมืองสูงถึง 2.2 ล้านบาทต่อตารางวาโดยที่ดินที่เสนอขายราคาแพงนี้ ได้แก่ ที่ดิน 4 ไร่เศษ ติดปากซอยสุขุมวิท 6 ถนนสุขุมวิท เสนอขายในราคา 2.2 ล้านบาทต่อตารางวาและที่ดินเกือบ 4 ไร่ ติดถนนสีลม ใกล้แยกถนนเดโช เสนอขายในราคา 2.2 ล้านบาทต่อตารางวาเช่นกัน ทั้งนี้ราคาประเมินทางราชการที่กรมธนารักษ์ประเมินไว้ในบริเวณถนนสีลม เพียง 1.0 ล้านบาท
ต่อตารางวาเท่านั้นเอง ทีนี้ลองมาดูตัว อย่างโครงการเด่นๆ ที่เรียกได้ว่าเปิดตัวกันอย่างสวยหรูแบบซูเปอร์ลักซูรี่สุดๆ กันบ้าง อย่างเช่น

IMG_8855

‘เทลา ทองหล่อ’ โครงการพัฒนาที่ดินตรงซอยทองหล่อ 13 ที่มีการซื้อขายที่ดินในราคาสูงถึง 1.4 ล้านบาท โดยบริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งได้ทำการเปิดตัวไปไม่นานนี้ คาดว่า ‘เทลา ทองหล่อ’ จะกลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางย่านทองหล่อ ภายใต้การสร้างสรรค์ในแนวคิด ‘Canvas of Life’ ที่สร้างแรงบันดาลใจในการพักอาศัยและวิถีชีวิตอย่างมีเอกลักษณ์ ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมสูง 32 ชั้นพร้อมด้วยห้องชุดพักอาศัยเพียง 84 ยูนิต ใน 4 รูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางและมีความเป็นส่วนตัวสูง กอปรกับการได้นักออกแบบชั้นนำระดับโลกอย่าง SCDA Architects มาเป็น Design Consultant ดังนั้น การออกแบบตกแต่งภายในจึงดูหรูหราและมีระดับด้วยวัสดุและผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ทำให้สนนราคาขายห้องชุดขึ้นสูงกว่า 3 แสนบาทต่อตารางเมตร โดยเริ่มต้นที่ราคาห้องชุดกว่า 30 ล้านบาทไปจนถึง 170 ล้านบาทกันเลย

สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมอีกหนึ่งโครงการที่มีการเปิดขายใหม่ในราคาขายต่อตารางเมตรที่สูงมากนั่นคือ ‘เดอะ เรสซิเดนซ์ แอทแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการไอคอนสยาม ที่พัฒนาโดย บริษัท ดิ ไอคอนสยาม ซูเปอร์ลักซ์ เรสซิเดนซ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นอาคารสูง 52 ชั้น จำนวน 146 ยูนิต ด้วยความหรูหรามีระดับที่ได้นักออกแบบชื่อดังระดับโลกอย่าง Joyce Wang มาเป็น Design Consultant ดังนั้นการออกแบบตกแต่งจึงหรูหราและเต็มไปด้วยวัสดุตกแต่งคุณภาพสูง พร้อมกับวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ห้องชุดของที่นี่มีราคาขายเริ่มต้นที่ 3.5 แสนบาทต่อตารางเมตรขึ้นไป ในส่วนห้องเพนต์เฮาส์ราคาสูงถึง 5.5 แสนบาท ต่อตารางเมตร เรียกว่าราคาขายเริ่มต้นของห้องชุดแต่ละห้องมีตั้งแต่กว่า 40 ล้านบาท จนไปถึงราคาเฉียด 400 ล้านบาทกันเลย

และล่าสุดทุบสถิติกับการพัฒนาโครงการบนถนนวิทยุของบริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่มีชื่อว่า ‘98 Wireless’ (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส) เน้นตลาดซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ภายใต้แนวคิด “The Best Comes as Standard” การนำสิ่งที่ดีที่สุดจากทั่วมุมโลกมารวมไว้ที่นี่ ดึงดูดผู้ซื้อและนักลงทุนด้วยที่ดินสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เนื่องจากเป็นพื้นที่ Freeholdสุดท้ายใจกลางกรุงเทพฯ บทถนนวิทยุ ที่จำลองคล้ายกับอยู่ท่ามกลางย่านฟิฟท์ อเวนิว ในมหานครนิวยอร์ก เป็นอาคารที่มีความสูง 25 ชั้น จำนวน 77 ยูนิต ที่ได้รับการดีไซน์ระดับเวิล์ดคลาสด้วยช่างฝีมือชั้นสูงจากทั่วโลก เพื่อให้เป็นสถาปัตยกรรมที่ไร้กาลเวลาด้วยการเลือกวัสดุคุณภาพสูงและงานฝีมืออันปราณีตบรรจง เช่น การเลือกหินจากเขาในประเทศอิตาลี และโปรตุเกส, ประตูไม้จริงลาย Mahogany
Crotch และโคมไฟแชนเดอเลียทำมือ เป็นต้น ทั้งนี้เมื่อรวมทำเลที่สุดยอดและการออกแบบตกแต่งในระดับเวิล์ดคลาสเช่นนี้แล้วทำให้ราคาขายห้องชุดโดยเฉลี่ยของที่นี่ตกอยู่ที่ 5.5 แสนบาทต่อตารางเมตร โดยมีราคาห้องชุดเริ่มต้นอยู่ที่ 60 ล้านบาท พร้อมกับมี Penthouse 3 ห้อง และ 1 Super Penthouse ชื่อว่า The One ราคาขายก็อยู่ที่ 600-700 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นโครงการที่มีราคาขายสูงสุดในเมืองไทย ณ ตอนนี้แล้ว

นอกจากนี้คาดว่าจะมีอีกหลายโครงการที่น่าจับตามองเกิดขึ้นอีกเช่นกัน อย่างการพัฒนาที่ดินของบริษัท เอสซี แอสเซท จำกัด (มหาชน) ในย่านชิดลม กับคอนโดฯ หรูระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ หรือบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กับการพัฒนาคอนโดฯ ในทำเลทองอย่างสุขุมวิท 38 หรือการพัฒนาที่ดินกว่า 3 ไร่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 6 ของบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด ที่ซื้อมาในราคากว่า 1.7 ล้านบาทต่อตารางวา รวมถึงการพัฒนาที่ดินย่านหลังสวนของบริษัท สยามสินธร จำกัด ซึ่งถือได้ว่าทำเลเหล่านี้เป็นแลนด์มาร์กของตลาดกลุ่มซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ได้เป็นอย่างดีเลย

IMG_3108

 

Previous articleปิ๊งไอเดีย “รถเข็นไซส์ผู้ใหญ่” พ่อแม่ทดลองนั่ง ก่อนซื้อให้ลูกน้อยใช้งาน
Next articleSCG Experience ปรับโฉมใหม่ ดึง “เอสซีจี วิลเลจ” เป็นจุดสนใจ
Builder
กองบรรณาธิการนิตยสาร Builder - เดิมเคยเป็นหนังสือพิมพ์รายปักษ์ ภายใต้ชื่อ Builder News เผยแพร่เนื้อหาข่าวสารเกี่ยวกับวงการธุรกิจก่อสร้างมากว่า 10 ปี ต่อมาจึงปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นนิตยสารรายเดือนในชื่อว่า Builder เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นไปในยุคปัจจุบัน มุ่งนำเสนอเรื่องราวในวงการก่อสร้าง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การออกแบบตกแต่ง ตลอดจนความรู้เรื่องวัสดุอย่างครบวงจร