กระแสรักษ์โลก…เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงในทุกแวดวงอุตสาหกรรม ไม่เว้นแม้กระทั่งในกลุ่มวัสดุก่อสร้างและตกแต่ง ที่ต้องขยับให้ทันกับกระแสความต้องการของผู้บริโภคที่อยากจะมีส่วนร่วมหรือเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องสภาพแวดล้อมให้อยู่กับเราได้นานที่สุด ด้วยการเลือกใช้วัสดุที่ไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ การใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ช่วยประหยัดพลังงาน หรือแม้กระทั่งเมื่อวัสดุนั้นหมดประโยชน์ใช้งานแล้ว จะต้องสามารถนำกลับเอามาใช้ใหม่ได้ Builder News จึงขอนำสินค้ารักษ์โลกที่น่าสนใจมาเสนอ


Rooftop Solar PV หลังคาพลังงานแสงอาทิตย์จากคิงส์สแปน

ปัจจุบันแผงพลังงานแสงอาทิตย์กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และถูกนำมาใช้เพื่อการประหยัดพลังงานภายในอาคารมากยิ่งขึ้น ซึ่งในตลาดก็มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลายแบรนด์ กลุ่มคิงส์สแปน ถือเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกของธุรกิจวัสดุก่อสร้างเพื่อความยั่งยืน โดยเริ่มก่อตั้งขึ้นจากธุรกิจเล็ก ๆ ทางด้านวิศวกรรมที่มีรากฐานมาจากการผลิตกรอบหน้าต่างอาคาร ต่อมาจึงได้ผลิตแผ่นกันความร้อนและสินค้าที่เป็นฉนวน และได้ขยายธุรกิจไปทั่วโลก ด้วยวิสัยทัศน์ในการเฟ้นหาและคิดค้นวัสดุทดแทนภายใต้เงื่อนไขที่เป็นไปได้สำหรับงานก่อสร้าง ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ฉนวนกันความร้อนคุณภาพสูงและวัสดุกรอบอาคาร ที่ปัจจุบันต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานที่สูงลิบลิ่ว

Jul13

กลุ่มผลิตภัณฑ์ คิงส์สแปน เอเนอร์จี้ – แผงพลังงานแสงอาทิตย์พีวีบนหลังคา (Kingspan Energy – Rooftop Solar PV) น่าจะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาต้นทุนทางพลังงานได้ดี เหมาะสำหรับอาคารอุตสาหกรรมและอาคารสำนักงาน ด้วยระบบแผ่นพลังงานแสงอาทิตย์พีวีซึ่งจะถูกรวมไว้กับแผ่นฉนวนหลังคาคิงส์สแปน เป็นการรวมคุณสมบัติขั้นสูงสุดไว้ในวัสดุกรอบอาคารที่เข้ากันและสามารถดัดแปลงเข้ากับอาคารได้หลายรูปแบบ

สำหรับแผ่นหลังคามีฉนวนกันความร้อนของคิงส์สแปน (Insulated Roof Panels) มีคุณสมบัติที่ง่ายต่อการติดตั้งและค่าบำรุงรักษาต่ำ สามารถใช้ได้ทั้งกับหลังคาทรงแบน และหลังคาทรงสูง เมื่อผนวกเข้ากับ คิงส์สแปน เอเนอร์จี้ ที่มีจุดเด่นจึงสามารถตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายได้ โดยคุณสมบัติของระบบหลังคาคิงส์สแปนที่ติดตั้งระบบพีวี ระบบพลังงานแสงอาทิตย์สามารถใช้งานได้หลากหลาย เหมาะที่จะประยุกต์ใช้งานได้ทั้งกับหลังคาแนวราบและหลังคาที่ลาดเอียง อีกทั้งสามารถใช้ได้กับหลังคาโรงงานอุตสาหกรรมหรืออาคารสำนักงานได้เช่นกัน

Jul13

ทั้งนี้ คิงส์สแปน ยังมีบริการให้คำปรึกษาจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านออกแบบที่จะดูแลงานทั้งหมดภายในโครงการ ตั้งแต่การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการ รายละเอียดของการออกแบบ ตลอดจนการจัดส่งสินค้า และการติดตั้งหน้างาน รวมถึงข้อติดขัดต่าง ๆ และการทดสอบของระบบการใช้งานให้มีความสมบูรณ์ก่อนที่จะส่งมอบโครงการอีกด้วย

MINIMUS – MOVE Series ก๊อกและฝักบัวประหยัดน้ำจาก ECO COTTO

เป็นที่ทราบดีว่า เอสซีจี ถือเป็นผู้ผลิตวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างที่ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ฉลากสิ่งแวดล้อมถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่เอสซีจีใช้ในการสื่อสารข้อมูลความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ต่อผู้บริโภค ในปัจจุบันเอสซีจีมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองฉลากสิ่งแวดล้อมที่ผ่านการพิจารณาจากหลายหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ และถือเป็นองค์กรไทยรายแรกที่กำหนดฉลากสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประเภทการรับรองตนเอง ภายใต้ฉลาก SCG eco value มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2552

สินค้า ECO COTTO คือการพัฒนาสินค้าเหล่านั้นให้ผ่านการรับรองฉลาก SCG eco value โดยสินค้าหรือบริการที่สามารถใช้ฉลาก SCG eco value ได้จะต้องผลิตจากกระบวนการพิเศษที่ต่างจากกระบวนการปกติ ซึ่งส่งผล
กระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดและดีกว่าสินค้าทั่วไป โดยอ้างอิงตามมาตรฐาน ISO 14021 ทั้งยังต้องผ่านการพิจารณากลั่นกรองและรับรองจากคณะกรรมการของเอสซีจีอีกด้วย นอกจากนี้ COTTO ยังใส่ใจกับกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จนได้มาซึ่งเครื่องหมายรับรองการผลิตที่แสดงถึงการลดการปลดปล่อย CO2 สู่บรรยากาศ ทั้งการผลิตกระเบื้องสุขภัณฑ์และก๊อกน้ำของคอตโต้ ซึ่งถือเป็นรายแรกของไทย รวมทั้งก๊อกน้ำ COTTO ทุกรุ่นยังผ่านมาตรฐาน มอก. ที่มีการควบคุมโลหะหนักและสารปนเปื้อนในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เป็นรายแรกของประเทศไทย

ก๊อกน้ำเดี่ยวสำหรับอ่างล้างหน้า รุ่น MINIMUS SERIES เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของคอตโต้ ที่สามารถช่วยลดอัตราการไหลของน้ำได้น้อยกว่า 4.8 ลิตรต่อนาที สามารถประหยัดน้ำได้สูงสุดถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับมาตรฐานฉลากเขียว นอกจากคุณสมบัติที่ช่วยประหยัดน้ำแล้ว ก๊อกน้ำมินิมัสยังผลิตขึ้นภายใต้การควบคุมสารปนเปื้อนโลหะหนัก 4 ชนิด ซึ่งได้แก่ ตะกั่ว, แคดเมี่ยม, ทองแดง และสังกะสี โดยผลิตจากทองเหลืองคุณภาพสูงผ่านการชุบผิว Nickel- chromium หนาถึง 8 ไมครอน มีน้ำหนักเพียง 0.7 กิโลกรัม ส่วนขนาดของตัวก๊อกมีความกว้าง x ยาว x สูง = 12 x 28 x 9.5 เซนติเมตร สามารถใช้ติดบนผนังเพื่อใช้งานร่วมกับอ่างล้างหน้าขอบสูงแบบเหนือเคาน์เตอร์ หรือแบบฝังเคาน์เตอร์ก็ได้

อีกผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจเป็นฝักบัว MOVE SERIES ฝักบัวพร้อมสายที่มีปุ่มกดเพื่อเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งาน โดยสามารถเลือกปรับเปลี่ยนรูปแบบของสายน้ำได้ 3 ฟังก์ชั่น คือ Move / Massage / Rain ที่ช่วยให้ประหยัดน้ำ แต่ยังคงอาบน้ำได้อย่างสดชื่นด้วยการขับเคลื่อนพลังของสายน้ำที่ถูกออกแบบและพัฒนาจากแรงบันดาลใจของพลังน้ำตก ฝักบัวผลิตจากพลาสติก ABS คุณภาพดี มีความแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบาเพียง 0.6 กิโลกรัม พร้อมขนาด กว้าง x ยาว x สูง = 20.5 x 24.5 x 6.5 เซนติเมตร ซึ่งได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่ายเพียงกดปุ่มที่หัวฝักบัวอารมณ์ของการอาบน้ำจะเปลี่ยนไป
– ฟังก์ชั่น Move spray จะให้สายน้ำที่สดชื่นมีชีวิตชีวา เสมือนยืนอยู่กลางสายธารจากน้ำตกขนาดใหญ่ ด้วยการปล่อยช่องน้ำเป็นสายผ่านรูฝักบัวตรงกลาง
– ฟังก์ชั่น Rain spray ให้สายน้ำที่ชุ่มชื่นเหมือนอยู่กลางสายฝน ด้วยแรงดันที่ผลักออกมาอย่างเต็มประสิทธิภาพและรัศมีการใช้งานของสายน้ำที่กว้างกว่า
– ฟังก์ชั่น Massage spray ให้สายน้ำที่ผ่อนคลาย โดยสายน้ำจะทำหน้าที่นวดไปตามจุบนร่างกายและให้จังหวะการไหลของน้ำที่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังออกแบบมาให้ง่ายต่อการทำความสะอาดสิ่งสกปรกภายใน เพียงใช้นิ้วถูปุ่มยางที่หน้าฝักบัว สายน้ำก็จะให้พลังเหมือนใหม่อีกครั้ง และยังสามารถใช้ร่วมกับวาลว์เปิด-ปิดน้ำ หรือก๊อกผสมยืนอาบและปล่อยลงอ่างอาบน้ำได้ด้วย

MIRROTAG กระจกเงารักษ์โลกจาก AGC

กระจก ถือได้ว่าเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมในการออกแบบสถาปัตยกรรมในยุคสมัยใหม่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอาคารสูง เนื่องจากภาพลักษณ์ที่ทันสมัย ติดตั้งได้ง่าย อีกทั้งกระจกยังเป็นวัสดุที่มีผลกระทบต่อการใช้พลังงานภายในอาคารสูงอีกด้วย ดังนั้นในการเลือกใช้วัสดุกระจกจึงต้องคำนึงถึงคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการใช้งานให้ดี

Capture

บริษัท กระจกไทยอาซาฮี จำกัด (มหาชน) หรือ AGC เป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตกระจกแผ่นเรียบชั้นนำของไทย ที่ผลิตกระจกในระบบโฟลตมายาวนานกว่า 5 ทศวรรษ และยังได้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพในระดับมาตรฐานสากลในปัจจุบัน AGC มีผลิตภัณฑ์กระจกให้เลือกหลากชนิดตามลักษณะการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นงานอาคาร บ้านพักอาศัย ห้างสรรพสินค้าโรงแรม และโรงงานอุตสาหกรรม ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย อาทิ กระจกโฟลตใส กระ จกโฟลตสีตัดแสง กระจกเงา กระจกลวดลาย กระจกสะท้อนแสง กระจก Low-E กระจกแปรรูปชนิดต่า งๆ อาทิ กระจกเทมเปอร์ กระจกนิรภัยลามิเนต กระจกฉนวนความร้อน กระจกพิเศษสำหรับงานอุตสาหกรรม รวมถึงกระจกเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน เป็นต้น

ทั้งนี้ AGC ยังมีผลิตภัณฑ์กระจกที่ได้พัฒานวัตกรรมการผลิตเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอีกหลายชนิด เช่น กระจกเอเนอร์จี้กรีน กระจกสะท้อนแสงรุ่นใหม่ภายใต้ชื่อ Stopray Smart, Stopray ACE, Stopray Vision รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของการอนุรักษ์พลังงาน และประโยชน์สูงสุดของการใช้งานด้วยกระจก Stopray ในรูปของกระจกฉนวนความร้อน

กระจกเงา ถือเป็นผลิตภัณฑ์กระจกอีกประเภทหนึ่งที่ AGC ให้ความสำคัญในการพัฒนาการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ MIRROTAG ซึ่งเป็นกระจกเงาเชิงนิเวศ รักษ์สิ่งแวดล้อมและรักษ์โลกที่ให้ภาพสะท้อนเที่ยงตรง และเป็นกระจกเงารายแรกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมไทย ที่ผลิตด้วยกระบวนการผลิตอันทันสมัย มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมในการใช้งาน และยังเป็นสื่อกลางในการสร้างสรรค์งานชั้นยอดให้กับนักออกแบบตกแต่งภายใน โดยสามารถนำไปใช้ประดับตกแต่งงานเฟอร์นิเจอร์งานดิสเพลย์ ผนังกั้นห้อง หรือใช้ตกแต่งผนัง สามารถใช้ในห้องน้ำหรืองานตกแต่งภายในห้องได้ด้วย

ด้วยเป็นกระจกเงาคุณภาพสูงที่สามารถตอบสนองงานออกแบบตกแต่งภายในได้หลากหลาย และยังมีรายละเอียดของสินค้าให้เลือกใช้งาน ทั้งในเรื่องของความหนา และสีสันที่มีหลายสีให้เลือก เช่น กระจกเงาใสกระจกเงาใสพิเศษ กระจกเงาสีดำ กระจกเงาสีทอง และกระจกเงาสีชาอ่อน เป็นต้น ส่วนความหนาก็มีให้เลือกใช้หลายขนาดตามลักษณะการใช้งาน ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่ โดยจะเริ่มที่ความหนา 2 มิลลิเมตร, 3 มิลลิเมตร และ 5 มิลลิเมตร

FELTECH Décor ฉนวนรีไซเคิลมีดีไซน์

ฉนวนกันความร้อน ก็เป็นอีกหนึ่งวัสดุที่ช่วยรักษ์โลก ฉนวนกันความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงย่อมช่วยประหยัดการใช้พลังงานภายในอาคารได้ดี ดังนั้นอาคารในยุคนี้จึงนิยมใช้ฉนวนกันความร้อนกันมาก

55

FELTECH เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ฉนวนกันความร้อนและฉนวนกันเสียงที่มีความปลอดภัยสูง สวยงาม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลิตโดย บริษัท เฟลเทค แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผลิตภัณฑ์ผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ 100% ซึ่งเป็นพลาสติกประเภทเดียวกันกับที่ใช้ผลิตเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และขวดบรรจุน้ำดื่ม จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยต่อการสัมผัสและสูดดมว่าไม่ระคายเคืองผิว สามารถระบายความชื้นได้ดี ทนต่อสภาพการกัดกร่อน และไม่เป็นอาหารของมด มอด ปลวก และแมลงต่าง ๆ โดยมีส่วนประกอบเป็นวัสดุรีไซเคิลถึง 85 เปอร์เซ็นต์ (ตามข้อกำหนด USGBC, LEED ข้อ MR Credit 4.1 และ 4.2 Recycled Content) ผ่านกระบวนการอบความร้อนเพื่อยึดเส้นใยเข้าด้วยกัน ไม่มีส่วนผสมของกาว ปราศจากสารฟอร์มัลดิไฮด์ หรือสารอินทรีย์ไอระเหย (VOCs) ที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานและผู้อยู่อาศัย

เส้นใยโพลีเอสเตอร์ (PET) มีน้ำหนักเบาและละเอียดมากกว่าใยแก้วและใยหินในปริมาณน้ำหนักที่เท่ากัน ลักษณะการจัดเรียงของเส้นใยโพลีเอสเตอร์เป็นแบบ 3 ทิศทางจึงมีโพรงอากาศจำนวนมาก และด้วยโพรงอากาศจำนวนมากนี้จึงทำให้มีคุณสมบัติดูดซับเสียงและลดเสียงทะลุผ่านได้ดี นอกจากนี้ยังสามารถทนความร้อนได้มากถึง 200 องศา
เซลเซียส และเมื่อติดไฟจะไม่หลอมเหลวหรือห่อตัว จึงได้มาตรฐานความปลอดภัยในด้านการลามไฟและควัน โดยผ่านการทดสอบการลามไฟตามมาตรฐาน ASTM E 84 Surface Burning Characteristics of Building Materials ในระดับ Class A จัดว่าเป็นวัสดุไม่ลามไฟ

เฟลเทคมีผลิตภัณฑ์ฉนวนกันความร้อนและฉนวนกันเสียงให้เลือกใช้งานหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นฉนวนสำหรับงานฝ้าเพดานหรือสำหรับงานผนัง แต่ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่พิเศษกว่า แผ่นฉนวนจึงสามารถนำมาพิมพ์ลวดลายเพื่อตอบสนองการออกแบบและตกแต่งภายในที่สวยงามไมซ้ำแบบใคร แต่ให้คุณสมบัติพิเศษของฉนวนในการป้องกันความร้อนและเสียงด้วยในขณะเดียวกัน

นอกจากนี้ ยังมี ผลิตภัณฑ์ AcouSoft Decor ที่มีคุณสมบัติในการช่วยซับเสียง ช่วยสร้างบรรยากาศที่สงบและลดเสียงรบกวน โดยผ่านการทดสอบ ISO 354 2003 ว่าสามารถดูดซับเสียงได้ NRC = 0.45 หรือช่วยลดเสียงได้ 45% ผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ที่มีน้ำหนัก 1600 กรัม/ตารางเมตร ความหนา 12 มิลลิเมตร และด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของ AcouSoft ที่ออกแบบมาเพื่องานตกแต่งภายในที่ไม่ซ้ำใคร สามารถพิมพ์ลวดลายได้ตามต้องการ ด้วยระบบการพิมพ์แบบดิจิตอลเทคโนโลยี และยังมีอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจที่ผลิตมาเพื่อการออกแบบตกแต่งภายในโดยเฉพาะ EcoPanel Decor เหมาะสำหรับงานตกแต่งผนังและฝ้าเพดานด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของ EcoPanel ที่สามารถพิมพ์ลวดลายด้วยระบบดิจิตอลเทคโนโลยีจึงทำให้ได้ลวดลายในแบบที่ต้องการและไม่ซ้ำแบบใคร

LED Linear Light อุปกรณ์ส่องสว่างมีดีไซน์และประหยัดพลังงาน

ระบบไฟฟ้าแสงสว่างเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอาคารทุกประเภท ยิ่งระบบไฟฟ้าแสงสว่างที่ช่วยประหยัดพลังงานด้วยแล้วกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงทีเดียว โดยเฉพาะหลอดไฟ LED เพราะมีอายุการใช้งานยาวนาน กินไฟน้อย แต่สามารถให้ความสว่างได้ดี ซึ่งในปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์หลอดไฟ LED ให้เลือกมากมายหลายแบบ

Print

บริษัท ไลท์อัพ ดีไซน์ จำกัด ก็เป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการเกี่ยวกับอุปกรณ์แสงสว่างที่หลากหลายและครบวงจร โดยให้บริการตั้งแต่คำปรึกษาเรื่องการออกแบบแสงสว่าง จัดหาสินค้าโคมไฟและระบบการควบคุมแสงสว่างทุกชนิด ไปจนถึงการเตรียมหน้างานก่อนการติดตั้งและวางระบบให้แก่ลูกค้า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไลท์อัพดีไซน์ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทุกประเภท ตั้งแต่ลูกค้าบ้านไปจนถึงโครงการระดับ World Class ไม่ว่าจะเป็นระบบแสงสว่างภายในอาคารหรือกลางแจ้งที่มีความหลากหลาย โดยสามารถรองรับการออกแบบทางสถาปัตยกรรมได้ทุกสไตล์ ไปจนถึงงานประดับตกแต่งด้วยโคมไฟหลากหลายดีไซน์ เหมาะกับงานทุกประเภทอาคาร

ปัจจุบัน ไลท์อัพ ดีไซน์ มีผลิตภัณฑ์ด้านแสงสว่างที่สามารถตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม LED Linear Light ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้กับงานตกแต่งภายใน พร้อมลูกเล่นในการติดตั้งและนำไปใช้งานที่หลากหลาย และยังมีคุณสมบัติในการประหยัดพลังงานด้วย LED ที่ให้แสงประมาณ 100 ลูเมน/วัตต์ ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานได้ 30-40% เมื่อเทียบกับหลอดฟลูออเรสเซนต์ นอกจากนี้ยังสามารถปรับระดับความสว่างได้ตั้งแต่ 9.6 – 30 วัตต์

PrintPrint

ทั้งนี้ยังมีอุปกรณ์ประกอบรางอลูมิเนียม LED Zinger ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เพิ่งได้รับรางวัล IF Design Award 2016 จากประเทศเยอรมนี เป็นระบบแสงสว่างที่ใช้หลักการเชื่อมต่อและประกอบแบบเรียบง่าย และเพื่อให้การติดตั้งเป็นไปได้สะดวกและรวดเร็ว อีกทั้งยังเปิดกรอบความคิดในการออกแบบแสงสว่างให้สามารถนำไปสู่การออกแบบแสงสว่างในรูปแบบใหม่ ๆ ที่ได้แรงบันดาลใจจากรูปทรงเลขาคณิตแบบเรียบ ๆ แต่สามารถนำไปสร้างความหรูหราให้กับพื้นที่ได้อย่างลงตัว LED Zinger ถูกออกแบบมาให้นำไปใช้งานและติดตั้งได้หลากหลายรูปแบบ โดยสามารถติดตั้งแบบแขวนเพื่อใช้เป็นโคมสำเร็จได้ด้วย โดยสามารถกำหนดความยาวได้ตั้งแต่ 10 เซนติเมตร – 2.5 เมตร และสามารถประกอบโคมไฟให้เป็นแบบชิ้นเดียว โดยมีความยาวตั้งแต่ 10 – 20 เมตร นอกจากนี้ ยังสามารถติดตั้งแบบลอยเป็นโคมเดี่ยวก็ได้ หรือจะติดตั้งให้เป็นแบบฝังฝ้าเพดาน ฝังผนัง หรือฝังพื้น ก็สามารถทำได้เพราะตัวโคมผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ซึ่งเป็นอลูมิเนียมคุณภาพดี ส่วนฝาครอบผลิตจากพลาสติกชนิดพีซี ที่มีคุณสมบัติทนต่อความร้อนและจะไม่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเมื่อใช้งานไปนาน ๆ อีกด้วย

ERV เทคโนโลยีเพื่ออาคารสบาย + ประหยัด

และสุดท้ายกับระบบปรับอากาศ ซึ่งเป็นระบบวิศวกรรมที่ถือว่ามีความจำเป็นต่ออาคารแทบทุกประเภทก็ว่าได้ อีกทั้งยังเป็นระบบที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นจำนวนมากสุดภายในอาคารเสียด้วย ดังนั้นอาคารทั้งหลายจึงมองหาระบบที่จะสามารถช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนั่นหมายถึงจะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายตามมาด้วย

ERV Unit B final

อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะขอแนะนำ นั่นคือ Energy Recovery Ventilator จาก Air Change ซึ่งจัดจำหน่ายโดย บริษัท ซินเนอจิน (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นอุปกรณ์ระบายอากาศในระบบปรับอากาศ ที่ทำหน้าที่ในการปรับปรุงคุณภาพอากาศให้เกิดภาวะสบาย และลดการใช้พลังงานลงในขณะเดียวกัน ด้วยหลักการนำอากาศที่ถูกทิ้งกลับมาใช้เป็นแหล่งพลังงาน เพราะโดยทั่วไปอากาศเย็นส่วนหนึ่งจากระบบปรับอากาศจะถูกระบายทิ้งผ่านพัดลมระบายอากาศ ขณะเดียวกันอากาศจากภายนอกจะถูกส่งเข้าสู่อาคาร โดยอากาศที่ร้อนและมีความชื้นที่เข้ามาใหม่นั้นจะเพิ่มภาระการทำงานของระบบปรับอากาศ ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเพิ่มสูงขึ้น

แต่ด้วยเทคโนโลยีของ Air Change สามารถที่จะปรับปรุงอากาศภายนอกที่เติมเข้าสู่ระบบด้วยการลดอุณหภูมิลงระดับหนึ่ง ผลที่ได้คือการลดภาระของระบบปรับอากาศทั้งระบบลงประมาณ 20% เป็นอย่างต่ำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของอุปกรณ์และเปลี่ยนอุณหภูมิและลดความชื้น (Enthalpy Heat Exchanger) ซึ่งเป็นกลไกหลักในการทำงานของ Energy Recovery Ventilator (ERV) และ Heat Recovery Ventilator (HRV)

โดยองค์ประกอบหลักของเทคโนโลยีนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การใช้เทคโนโลยีการแลกเปลี่ยนอุณหภูมิของอากาศผ่านแผ่นโพลิเมอร์ Air to Air Counterflow Plate Heat Exchanger® หรือ HX ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Air Changes™ ทำหน้าที่เพิ่มหรือลดอุณหภูมิของอากาศที่ถูกดึงผ่าน HX ด้วยพัดลมความเร็วสูงที่ควบคุมด้วย VSD
อีกส่วนคือการใช้เทคโนโลยีลดความชื้นด้วย Pressure Differentiation ที่เกิดจากชั้นของ Enthapy Media ที่วางอยู่บนแผ่นโพลิเมอร์ ซึ่งจะดูดความชื้นจากอากาศและความชื้นที่ถูกดูดไว้จะถูกทำให้ระเหยด้วย Pressure Differentiation จึงไม่เกิดความชื้นสะสมหรือหยดน้ำจากกระบวนการนี้

Heat Exchanger Cooling1

โดยทั่วไปอุปกรณ์ ERV จะถูกใช้งานสำหรับอาคารขนาดใหญ่ เพื่อติดตั้งสำหรับปรับอากาศขั้นปฐมภูมิ (Primary Air Handling Unit) ซึ่งจะปรับอุณหภูมิของอากาศที่ต้องเติมสู่อาคารตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐานระบบปรับอากาศสากล (ASHRE Standard) โดยอากาศส่วนนี้จะถูกส่งผ่านท่อส่งอากาศเข้าสู่อาคารผ่านห้องเครื่องปรับอากาศหรือส่งเข้าสู่แฟนคอยด์ยูนิต แล้วผ่านการปรับอากาศก่อนเข้าสู่พื้นที่ห้องอีกทอดหนึ่ง อากาศที่หมุนเวียนอยู่ในระบบจะเป็นอากาศที่สบาย ความชื้นถูกควบคุมให้ต่ำ ช่วยลดปัญหาความชื้นและการเกิดเห็ดราในท่ออากาศและในห้อง จึงช่วยลดภาวะการติดเชื้อในอากาศได้

สำหรับการติดตั้งในอาคารพักอาศัย มีให้เลือกทั้งแบบระบบปรับอากาศศูนย์กลางซึ่งใช้วิธีการติดตั้งแบบเดียวกับอาคารขนาดใหญ่ หรือจะติดตั้งแบบแยกห้อง โดยติดตั้งอุปกรณ์ขนาดเล็ก ERV –In Ceiling Unit ซึ่งเป็นรุ่นใต้ฝ้าโดยที่ด้านหนึ่งต่อท่อที่ระบายอากาศเข้ากับเครื่องเพื่อผ่าน Heat Exchanger (HX) ส่วนอีกด้านก็ติดตั้งท่อนำอากาศภายนอกกับตัวเครื่อง อากาศภายนอกเมื่อผ่าน HX เข้ามาก็จะถูกส่งเข้าสู่อาคาร นอกจากนี้อุปกรณ์ ERV จาก Air Change™ ยังมีทั้งแบบติดตั้งบนหลังคาและติดตั้งในห้องเครื่องปรับอากาศขนาดตั้งแต่ 530 CFM ไปถึงขนาด 1,6951 CFM ส่วนรุ่นสำหรับติดใต้ฝ้าซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 148 CFM ไปจนถึง 1,907 CFM มีความสูงเพียง 30 – 65 เซนติเมตร เท่านั้น จึงสามารถช่วยประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งได้ด้วย

เนื่องจากกลไกหลักในการทำงานของ ERV ประกอบด้วย Heat Exchanger (HX) ที่ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนพลังงาน ดังนั้นจึงเป็นระบบที่ต้องการการดูแลรักษาต่ำ แม้ส่วนของพัดลมที่ทำหน้าที่ดึงอากาศผ่านเข้า-ออกจากตัวเครื่องเป็นส่วนที่ต้องการการบำรุงรักษา แต่ด้วยอุปกรณ์ ERV ของ Air Change™ ซึ่งใช้พัดลมแบบปิดควบคุมด้วยระบบอิเล็กโทรนิคประสิทธิภาพสูงจึงแทบไม่ต้องมีการบำรุงรักษาใด ๆ นอกจากการทำความสะอาดด้วยการปัดและดูดฝุ่น และเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศตามระยะเวลาที่กำหนด จึงมีต้นทุนในการบำรุงรักษาที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับอุปกรณ์อื่น ๆ

 

นิตยสาร Builder Vol.35 SEPTEMBER 2016

Previous articleShelter Pack บ้านชั่วคราวสำหรับผู้ประสบภัย สามารถหดและพับเก็บได้สะดวก
Next articleสร้างความหลากหลาย ด้วยความแตกต่าง
Builder
กองบรรณาธิการนิตยสาร Builder - เดิมเคยเป็นหนังสือพิมพ์รายปักษ์ ภายใต้ชื่อ Builder News เผยแพร่เนื้อหาข่าวสารเกี่ยวกับวงการธุรกิจก่อสร้างมากว่า 10 ปี ต่อมาจึงปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นนิตยสารรายเดือนในชื่อว่า Builder เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นไปในยุคปัจจุบัน มุ่งนำเสนอเรื่องราวในวงการก่อสร้าง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การออกแบบตกแต่ง ตลอดจนความรู้เรื่องวัสดุอย่างครบวงจร