ปัจจุบันเทคโนโลยีและนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างและตกแต่งมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะตอบสนองการใช้งานของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น Builde News จึงขอนำท่านผู้อ่านมาอัพเดทเทรนด์วัสดุยุคใหม่ ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายมาให้ได้ติดตามกัน

‘MasterEase’ สารผสมคอนกรีตลดความหนืด
บริษัท บีเอเอสเอฟ (ไทย) จำกัด ได้นำเสนอนวัตกรรมสารผสมเพิ่มสำหรับคอนกรีตตัวใหม่ล่าสุด ‘MasterEase’ ซึ่งเป็นสารผสมเพิ่มสำหรับคอนกรีตที่จะช่วยปรับปรุงคุณสมบัติความหนืดของคอนกรีตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยนวัตกรรมนี้จะช่วยให้คอนกรีตมีส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกันมากขึ้น จึงช่วยให้การทำงานเทหล่อคอนกรีตทำได้ง่ายขึ้น และมีความสม่ำเสมอ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานต่าง ๆ เช่น การปั๊มหล่อเทเข้าแบบ และการแต่งผิวคอนกรีตคุณภาพสูง

ผลิตภัณฑ์สารผสมเพิ่มสำหรับคอนกรีต MasterEase ใช้เทคโนโลยีโพลิเมอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นแนวทางการแก้ปัญหาในการเทหล่อคอนกรีตที่เน้นด้านความรวดเร็วและประหยัด โดยจะช่วยลดความหนืดของคอนกรีตได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ จึงช่วยลดเวลาและแรงงานในการปั๊มและเทหล่อคอนกรีต ทำให้การทำงานมีความง่ายและรวดเร็วขึ้น

11

โดยถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ก้าวล้ำที่สุด ที่ได้รับการรับรองจากทั่วโลกและในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของโครงการ วิศวกร และผู้รับเหมาก่อสร้าง สามารถเอาชนะความท้าทายรูปแบบต่าง ๆ ในงานก่อสร้างและทำให้โครงการบรรลุผลสำเร็จ โดยเฉพาะงานเทหล่อคอนกรีตในอาคารสูงสามารถทำได้ง่ายขึ้น

ทั้งนี้ผู้ผลิตคอนกรีตและผู้ใช้คอนกรีตจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากเทคโนโลยีใหม่นี้ ซึ่งมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเข้ากับสถานการณ์ที่ท้าทายต่าง ๆ ได้ ทั้งในเรื่องของอุณหภูมิ และการผันแปรของวัสดุ MasterEase จึงมีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับคอนกรีตผสมเสร็จที่ได้รับการออกแบบ และเหมาะสมที่สุดสำหรับคุณสมบัติทางวิศวกรรมชั้นสูง อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทำให้ได้คอนกรีตที่มีค่ากำลังอัดสูง ที่มีอัตราส่วนของน้ำต่อซีเมนต์ต่ำและผสมกับวัสดุทดแทนซีเมนต์ในปริมาณที่สูงขึ้น ทำให้คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของคอนกรีตลดลง

‘PIC –PERF’ สุนทรียภาพแห่งการตกแต่ง

ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอกสยามโลหะกิจ ผู้ผลิตและจำหน่าย PIC-PERF (Pic-Perforated) ที่เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีในการฉลุลายบนแผ่นเหล็ก โดยการเจาะเหล็กให้เป็นรูเล็ก ๆ หรือรูใหญ่หลาย ๆ รูผสมผสานกันเพื่อให้เกิดเป็นภาพ สามารถเจาะลวดลายที่มีความต่อเนื่องบนแผ่นเหล็กหลาย ๆ แผ่น เพื่อให้เกิดภาพขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนเป็นเหล็กแผ่นเดียวกัน ในเนื้อที่ที่เกินกว่าแผ่นเหล็ก 1 แผ่น สามารถทำได้ พร้อมกับสร้างเรื่องราวต่อเนื่องของภาพและปรากฏเป็นภาพที่แสดงเรื่องราวต่าง ๆ และที่พิเศษกว่าคือ สามารถออกแบบลวดลายเพียงนำรูปภาพที่ต้องการมาเป็นต้นแบบในการฉลุลาย

2

จุดเด่นของตะแกรงเจาะรูรูปภาพ PIC-PERF สามารถออกแบบและสร้างสรรค์งานที่ไร้ขีดจำกัด สามารถสร้างงานดีไซน์ที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร โดยควบคุมงบประมาณได้ตามต้องการด้วยราคาที่ไม่แพง ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเปิดพิมพ์ใหม่ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างสรรค์รูปภาพจากการเจาะรูจำนวนมากมารวมกัน เป็นการตกแต่งที่สามารถสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยกระบวนการสร้างภาพที่สามารถมองเป็นภาพได้ชัดเจน มีอายุการใช้งานยาวนาน เมื่อเทียบกับ
ผนังรูปภาพทั่วไป และยังสามารถเจาะรูลงบนแผ่นโลหะและแผ่นอโลหะได้ทุกชนิด

สามารถนำไปใช้สำหรับงานตกแต่งได้ทุกชิ้น ทั้งงานตกแต่งภายในและงานตกแต่งภายนอกอาคาร นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการช่วยกันเสียงสะท้อน และคุณสมบัติในการดูดซับเสียง เหมาะที่จะใช้เป็นฝ้าเพดาน ผนังหน้าอาคาร หรือจะใช้เป็นฉากแสดงสินค้า ฉากบังแสง ฉากกั้นห้อง ระเบียงทางเดิน พื้นทางเดิน ราวกันตกตะแกรงกั้นรั้ว ทำรั้ว ใช้ทำเป็นโลโก้และป้ายชื่อ ใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์แผงและชั้นโชว์สินค้า ชั้นวางสินค้า โคมไฟ โต๊ะ เคาน์เตอร์ เก้าอี้
ของประดับตกแต่ง และตะแกรงสำหรับงานตกแต่งต่าง ๆ

และจุดเด่นที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือ สามารถถ่ายทอดรูปภาพลงบนแผ่นเหล็กในรูปแบบภาพขาวดำ ด้วยเทคนิคการเจาะรูที่ทำให้ดูราวกับภาพถ่ายจริง เป็นประติมากรรมงานออกแบบสร้างสรรค์โดยภาพที่ปรากฏเกิดจากจุดพิกเซลเล็กๆ จำนวนมาก สามารถมองเห็นเป็นผืนภาพอย่างชัดเจน สามารถนำมาประยุกต์ในงานด้านการจัดแสงที่จะช่วยเติมความน่าสนใจให้กับภาพ ใช้สำ หรบั ตกแตง่ ภายในและงานเฟอร์นิเจอร์ ตะแกรงเจาะรูรูปภาพ PIC-PERF ยังเหมาะอย่างยิ่งที่จะนำไปใช้เป็นฉากกั้นห้อง ด้วยคุณสมบัติที่พิเศษคือ สามารถใช้ได้ทั้ง 2 ด้าน โดยสามารถเห็นรูปภาพตะแกรงเจาะรูทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

‘READYSPACE ’ อาคารสำเร็จรูปติดตั้งง่ายพับเร็ว

READYSPACE อาคารสำเร็จรูปที่สามารถประกอบและพับเก็บได้ง่าย เหมาะที่จะเคลื่อนย้ายไปในทุกที่ที่ต้องการ และรูปแบบการใช้งานให้เลือกหลากหลาย โดยเฉพาะในรูปแบบของ FLIP HOUSE เป็นบ้านพับพร้อมประกอบสำเร็จรูป ที่มีความสะดวกในการติดตั้ง ประหยัดเวลา คุ้มค่า แข็งแรง ที่สำคัญคือสามารถเคลื่อนย้ายได้ตามต้องการมี 2 ขนาดให้เลือกใช้คือ FLIP HOUSE L SERIE ขนาดพื้นที่เมื่อพับเก็บกว้างเพียง 0.35 เมตร ยาว 3.00 เมตร และสูง 2.75 เมตร ส่วนขนาดเมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วจะมีความกว้าง 3.25 เมตร ยาว 3.00 เมตร สูง 2.75 เมตร ส่วน FLIP HOUSE M SERIE จะมีขนาดเมื่อพับเก็บ กว้างเพียง 0.75 เมตร ยาว 3.00 เมตร สูง 2.75 เมตร ขนาดเมื่อติดตั้งเสร็จ กว้าง 3.00 เมตร ยาว 3.00 เมตร และสูง 2.75 เมตร

13

FLIP HOUSE เหมาะสำหรับผู้ต้องการความสะดวกและความรวดเร็วในการเพิ่มพื้นที่ใช้สอย เช่น ผู้ที่ต้องการบ้านหรือที่พักอาศัย ผู้ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยในพื้นที่ห่างไกลและต้องโยกย้ายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและโยกย้ายประหยัดค่าแรง และเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้งานสูงสุด สามารถใช้แทนตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งมักจะประสบปัญหาความร้อนภายในตู้คอนเทนเนอร์ ในขณะที่ FLIP HOUSE ไม่มีปัญหาดังกล่าว เพราะออกแบบและเลือกใช้วัสดุที่ช่วยลดอุณหภูมิได้

นอกจากความสะดวกในการเคลื่อนย้าย FLIP HOUSE ยังถูกออกแบบให้มีความทนทานต่อความชื้นและแรงกระแทก หมดปัญหาเรื่องการก่อสร้าง ง่ายต่อการใช้งานโดยใช้เวลาในการติดตั้งเพียง 15 นาทีเท่านั้น และใช้คนเพียง 2 คนสำหรับการประกอบและติดตั้ง ด้วยคู่มือที่มีมาให้ FLIP HOUSE เลือกใช้วัสดุที่มีมาตรฐานและได้รับการรับรองจากสถาบันชั้นนำ โดยมีอายุการใช้งานมากกว่า 15 ปี

Capture

13.2 อาคารสำเร็จรูปอีกรูปแบบของ READYSPACE คือ ร้านค้า กับ FOLDING SHOP เป็นร้านค้าพับได้ พร้อมประกอบสำเร็จรูป สะดวกในการติดตั้ง ประหยัดเวลา คุ้มค่า แข็งแรง และสามารถเคลื่อนย้ายได้ตามความต้องการ ติดตั้งง่ายใช้เวลาเพียง 15 นาที ด้วยคนเพียง 2 คน ด้วยคู่มือที่แนบมา วัสดุที่เลือกใช้มีมาตรฐานและได้รับการรับรองจากสถาบันชั้นนำ โดยมีอายุการใช้งานมากกว่า 15 ปี

179.2

FOLDING SHOP เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวก และความรวดเร็วในการเปิดร้านค้า เช่น ผู้ที่ต้องการเปิดร้านกาแฟ ขยายร้าน หรือต้องโยกย้ายร้านไปในพื้นที่ต่าง ๆ ประหยัดค่าติดตั้งและค่าแรง สามารถใช้แทนตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งมักจะประสบปัญหาความร้อนภายในตู้ ในขณะที่ FOLDING SHOP ถูกออกแบบและใช้วัสดุที่ช่วยลดอุณหภูมิ ด้วยการเลือกใช้หลังคาและแผ่นบอร์ดของ X-SHIELD ที่สามารถสะท้อนความร้อนออกไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ทั้งยังทนทานต่อความชื้นและแรงกระแทก เย็นกว่าร้านค้าที่ทำจากตู้คอนเทนเนอร์ หมดกังวลเรื่องช่างฝีมือ สะดวก รวดเร็วในการเคลื่อนย้ายและขนส่ง ทำให้ประหยัดงบประมาณในการโยกย้ายสาขา เพราะปกติร้านค้ากึ่งถาวรทั่วไป ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ แต่ FOLDING SHOP สามารถย้ายไปติดตั้งที่ใหม่ได้ทั้งร้านค้า มีขนาดและพื้นที่เมื่อทำการพับเก็บไม่มาก ด้วยความกว้างเพียง 0.55 เมตร ยาว 1.50 เมตร และความสูง 2.35 เมตร ส่วนขนาดพื้นที่เมื่อทำการติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีความกว้าง 2.80 เมตร ยาว 1.50 เมตร และสูง 2.35 เมตร

‘X-Shield Product’ วัสดุยุคใหม่สารพัดประโยชน์

บริษัท อคิลิส อาร์คิเทคเจอร์ แอนด์ ซัพพลาย จำกัด ในฐานะผู้ค้นคว้า วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ก่อสร้างรูปแบบต่าง ๆ ด้วย X-Shield Product วัสดุก่อสร้างที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน ที่น่าสนใจคือผลิตภัณฑ์ X-SHIELD ROOF เป็นแผ่นหลังคาลอนคู่ ที่ผลิตจากการหลอมรวมระหว่างพลาสติก PE และอลูมิเนียมฟอยล์เป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้มีคุณสมบัติพิเศษหลายประการ ทั้งการกันน้ำกันไฟ (มีคุณสมบัติไม่ลามไฟ) สามารถป้องกันการกระแทก เนื่องจากตัววัสดุเองมีความยืดหยุ่นและความเหนียว ไม่แตกหักง่าย สามารถเก็บความเย็น ป้องกันความร้อนสะท้อนยูวี ไม่เกิดเชื้อรา มีคุณสมบัติดูดซับเสียงได้ดี มีน้ำหนักเบา และติดตั้งง่าย

โดยขนาดของ X-SHIELD ROOF ใหญ่กว่าแผ่นหลังคาลอนคู่ปกติถึง 4 เท่า ทำให้ลดปริมาณการทับซ้อนของแผ่นหลังคาได้ จึงประหยัดในเรื่องโครงสร้าง ค่าแรง และระยะเวลามุงหลังคา อีกทั้งมีคุณสมบัติเป็นฉนวน จึงไม่จำเป็นต้องติดฉนวนกันความร้อนใต้แผ่นกระเบื้องให้สิ้นเปลือง การติดตั้งระยะแปที่แผ่นหลังคาสามารถวางได้ตามมาตรฐาน สามารถใช้แประยะ 60-100 เซนติเมตร แต่หากต้องการเพิ่มระยะแปก็สามารถเพิ่มได้มากที่สุด ประมาณ 1-1.15 เมตร

15

อีกผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กันคือ X-SHIELD BOARD เป็นแผ่นบอร์ดที่ใช้ในงานออกแบบก่อสร้างที่มีคุณสมบัติพิเศษมากมาย จึงสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายสามารถใช้เป็นผนังเบากั้นห้อง ผนังตกแต่งภายในที่สามารถโชว์ผิวผนังได้ หรือแม้แต่จะใช้เป็นผนังภายนอกอาคารก็สามารถทำได้ ใช้ปูพื้น ทำฝ้าเพดาน หรือแผ่นรองใต้หลังคาก็ได้

เนื่องจากเป็นแผ่นบอร์ดที่ผ่านการหลอมรวมระหว่างพลาสติก PE และอลูมิเนียมฟอยล์ ภายใต้แรงบีบอัดความดันสูง (High Density & Compression PE & Aluminium foils board) ทำให้มีคุณสมบัติที่โดดเด่น สามารถกันน้ำ กันไฟกันกระแทก ช่วยเก็บกักความเย็น ป้องกันความร้อนสะท้อนยูวี ดูดซับเสียง ไม่เป็นสนิม ป้องกันปลวก ซ่อมแซมได้ง่าย และยังช่วยลดการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติได้อีกทางหนึ่งด้วย

X-SHIELD BOARD มีให้เลือกใช้งาน 2 ขนาด คือ ขนาด 5 มม. และ ขนาด 10 มม. โดยทั้งสองแบบมีขนาด 1.20 X 2.40 ม. มีคุณสมบัติและลักษณะการใช้งานเหมือนกันทุกประการ เพียงแต่แผ่นที่มีขนาดความหนา 10 มม. จะมีความทนทานสูงกว่าขนาด 5 มม. เหมาะที่จะนำไปใช้ในงานภายนอกอาคาร หรือเพื่อความแข็งแรงในการยึดเกาะ
สิ่งของที่มีน้ำหนักมาก ๆ ให้เป็นพื้นหรือผนังกันความร้อนในห้องเย็น และสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะกับงานเฟอร์นิเจอร์

‘Philips LED SceneSwitch’ นวัตกรรมหลอดไฟปรับความสว่างได้

บริษัท ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดตัวหลอดไฟ Philips LED SceneSwitch – Brightness Change หลอดไฟแอลอีดีรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติการปรับความสว่างของแสงได้ 3 ระดับในหลอดเดียว โดยสามารถใช้สวิตซ์ไฟตัวเดิมโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ใด ๆ เพิ่มเติม ช่วยตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ด้วยการช่วยสร้างบรรยากาศและปรับอารมณ์ให้เหมาะสมสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้า การทำอาหาร และการพักผ่อน

หลอดไฟ Philips LED SceneSwitch – Brightness Change เป็นหลอดไฟแอลอีดีที่สามารถปรับระดับความสว่างได้ถึง 3 ระดับ โดยสามารถใช้สวิตซ์เดิมแบบเปิด-ปิด ในการปรับระดับความสว่างได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้สวิตซ์หรี่ไฟ หรือดิมเมอร์ การใช้งานก็ง่ายเพียงกดเปิด-ปิดสวิตซ์ไฟปกติ แทนการหรี่ไฟด้วยสวิสซ์ดิมเมอร์ ซึ่งกดสวิตซ์ปิด-เปิด เป็นการปรับระดับความสว่าง โดยไล่จาก 100 เปอร์เซ็นต์, 40 เปอร์เซ็นต์ และ 10 เปอร์เซ็นต์ หรือหากปิดสวิตซ์
ทิ้งไว้ 5 วินาที และเปิดใหม่อีกครั้ง จะเป็นการรีเซทความสว่างให้อยู่ที่ระดับ 100 เปอร์เซ็นต์

6

Philips LED SceneSwitch – Brightness Change มีโทนสีให้เลือกสองแบบ ได้แก่ คูลเดย์ไลท์ หรือแสงขาว (6500K) และโทนแสงวอร์มไวท์ หรือแสงเหลืองนวล (3000K) มาในหลอดขนาด 9 วัตต์ และสามารถปรับความสว่างของแสงได้ 3 ระดับ ตามความต้องการในการใช้งานของผู้บริโภค ตั้งแต่ Bright light (6500K/800Lm) ที่มีระดับความสว่างเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ เหมาะสำหรับช่วงเวลาที่ต้องการแสงสว่างในการทำงาน Normal light (6500K/320Lm) มีระดับความสว่างของแสง 40 เปอร์เซ็นต์ ใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติ และ Low light (6500K/80Lm) มีระดับความสว่างของแสง 10 เปอร์เซ็นต์ เหมาะกับช่วงเวลาที่ต้องการใช้แสงน้อย เช่น เวลาชมภาพยนตร์ โดยมีค่าความถูกต้องของสี (CRI) ที่ 80 ให้แสงที่ดูสมจริง

นอกจากการติดตั้งและการใช้งานที่ง่ายแล้ว หลอดไฟ Philips LED SceneSwitch – Brightness Change
ยังช่วยให้ประหยัดพลังงานได้สูงสุดถึง 87 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับความทนทานที่สามารถใช้งานเปิด-ปิดได้มากกว่า 100,000 ครั้ง และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 15 ปี สามารถใช้ได้กับโคมไฟและดาวน์ไลท์ ที่ใช้ขั้วหลอด E27 มีวางจำหน่ายแล้วตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายหลอดไฟฟิลิปส์ทั่วประเทศ

‘AkzoNobel ’ ผู้นำนวัตกรรมสี

บริษัท อั๊คโซ่ โนเบล เพ้นท์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสีทาอาคารชั้นนำ ภายใต้ตราสินค้า Dulux ‘ดูลักซ์’ ได้แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด ดูลักซ์ อินสไปร์ ชนิดกึ่งเงา สีน้ำอะครีลิคสำหรับทาภายในระดับพรีเมี่ยมที่ประกอบด้วยกาวอะครีลิคคุณภาพสูง จึงทำให้สีมีคุณสมบัติในการยึดเกาะผนังดีเยี่ยม ไม่หลุดล่อนง่าย โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีโครมาไบรท์ (Chroma Bright) ช่วยให้สีสวยคงทนยาวนาน ไม่ซีดจางไว ช่วยปกป้องสีผนังภายในให้สวยสดใสทนทาน เช็ดล้างทำความสะอาดง่าย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกลบมิด และป้องกันฤทธิ์ด่างเกลือและเชื้อราได้อย่างดีเยี่ยม

18

นอกจากนี้สีสูตรกึ่งเงาจากลูดูลักซ์ อินสไปร์ ยังทำให้ผนังบ้านมีความหรูหราสวยงามมากยิ่งขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ ดูลักศ์ อินสไปร์ ชนิดกึ่งเงานี้มาพร้อม 9 พาเลทท์สีใหม่จาก ‘คัลเลอร์ ออฟ เดอะ เวิลด์’ (Colours of the World)
ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงามจากทั่วโลก เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการตกแต่งบ้าน โดยสามารถเลือกเติมสีสันภายในบ้านด้วยสีทาภายในดูลักซ์ อินสไปร์ ได้ทั้งฟิล์มสีชนิดด้านและใหม่ล่าสุดชนิดกึ่งเงา

ดูลักซ์ ยังมีผลิตภัณฑ์สีทาภายในเกรดพรีเมี่ยม Dulux Ambiance (ดูลักซ์แอมเบียนซ์) มิติใหม่ของสีสร้างลายพิเศษที่สะท้อนสไตล์ของเจ้าของบ้านได้อย่างแท้จริง เป็นผลิตภัณฑ์สีทาภายในที่ประกอบด้วยสี 2 ส่วน คือสีพื้นและสีส้างลายพิเศษ ซ฿่งในส่วนแรกที่เป็นสีพื้นทาภายในเป็นสีน้ำอะคริลิคระดับซุปเปอร์พรีเมียมชนิดกึ่งเงาที่มาพร้อมพาเลทท์สีคุณภาพสูง เนื้อสีเข้มข้น ให้ความรู้สึกลุ่มลึก น่าหลงใหล ส่วนสีส่วนที่สองคือ สีสร้างลายพิเศษ เป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อให้ฟิล์มสีมีลักษณะพิเศษ มีลวดลายและผิวสัมผัส หรูหรา โดดเด่น สวยงามอย่างมีเอกลักษณ์ ได้แก่ ลายเมทัลลิก (Metallic), ลายกำมะหยี่ (Velvet), ลายลินิน (Linen), และ ลายหินอ่อน (Marble)

1983.2

Dulux Ambiance ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย สร้างสรรค์เป็นเฉดสีที่สวยงามและให้ลวดลายพิเศษ ช่วยให้เจ้าของบ้านสร้างสรรค์ทุกแรงบันดาลใจได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญด้านสีสันและการตกแต่งภายในจากดูลักซ์ได้สร้างเทรนด์การตกแต่งภายในด้วยดูลักซ์แอมเบียนซ์ออกมาถึง 5 คอลเลคชั่น ประกอบด้วย คลาสสิคลักซ์ชัวรี่ (Classic Luxury), แอลลิแกนท์ โรแมนซ์ (Elegant Romance), ครีเอทีฟเอ็กซ์เพรสชั่น (Creative Expression), โมเดิร์นคอนเทมโพรารี่ (Modern Contemporary) และคอลเลคชั่นจากนาเดียฮูทากาลัง (NadyaHutagalung) แบรนด์แอมบาสเดอร์ของดูลักซ์แอมเบียนซ์

นอกจากนี้่ยังมี Dulux Visualizer (ดูลักซ์ วิชวลไลเซอร์) แอพพลิเคชั่นล่าสุดในแวดวงสีทาอาคาร ที่ใช้เทคโนโลยีภาพเสมือนจริง (Augmented Reality Technology) ที่สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนรักบ้านยุคใหม่ โดยดูลักซ์ยังคงมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย เพราะเชื่อว่าสีสันมีอิทธิพลมากกว่าตามองเห็น นอกเหนือไปจากการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในผลิตภัณฑ์

Dulux Visualizer เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถจำลองการออกแบบสีห้องได้แบบเรียลไทม์ ด้วยเทคโนโลยีการใส่สีเสมือนจริงที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เพียงแค่สัมผัสบนหน้าจอ โดยสามารถเลือกเฉดสีที่ชื่นชอบได้กว่า 2,000 เฉดสี ตามสไตล์ของแต่ละคน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยออกแบบสีผนังให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ และยังสามารถค้นหาร้านขายสีที่อยู่ใกล้บ้านได้อีกด้วย จึงเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยให้การออกแบบตกแต่งห้อง เป็นเรื่องง่ายภายในไม่กี่วินาที สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Dulux Visualize ซึ่งใช้งานได้ทั้งบนสมาร์ทโฟนและแท็บเลต ได้ฟรีที่ Apple Store และ Google Play

นิตยสาร Builder Vol.36 OCTOBER 2016

Previous articleโปแลนด์เล็งสร้างทางจักรยานเรืองแสง มอบความปลอดภัยให้นักปั่นยามค่ำคืน
Next articleอพาร์ทเมนท์บานเกล็ดไม้ลายคลื่นจากวัสดุรีไซเคิล พร้อมผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์
Builder
กองบรรณาธิการนิตยสาร Builder - เดิมเคยเป็นหนังสือพิมพ์รายปักษ์ ภายใต้ชื่อ Builder News เผยแพร่เนื้อหาข่าวสารเกี่ยวกับวงการธุรกิจก่อสร้างมากว่า 10 ปี ต่อมาจึงปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นนิตยสารรายเดือนในชื่อว่า Builder เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นไปในยุคปัจจุบัน มุ่งนำเสนอเรื่องราวในวงการก่อสร้าง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การออกแบบตกแต่ง ตลอดจนความรู้เรื่องวัสดุอย่างครบวงจร